กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมจัดงาน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” 14 พฤศจิกายน น้อมรำลึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ รัชกาลที่ 9 ภายใต้แนวคิด “เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา องค์ราชา สืบสาน รักษา ต่อยอด พระบิดาแห่งฝนหลวง”
11 พฤศจิกายน 2567
825
ครั้ง
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.30 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เตรียมความพร้อมในการจัดงาน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา องค์ราชา สืบสาน รักษา ต่อยอด พระบิดาแห่งฝนหลวง” ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 69 โดยเริ่มต้นนับจากเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งฝนหลวง” และกำหนดให้วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงก่อเกิดโครงการพระราชดำริฝนหลวง ซึ่งภายในงานกำหนดให้มีการจัดนิทรรศการทั้งสิ้น 3 ส่วน ประกอบด้วย (1) นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง (2) นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่แสดงออกถึงพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ของพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการพระราชดำริฝนหลวง ในการรักษา สืบสาน และต่อยอด และ (3) นิทรรศการเกี่ยวกับภารกิจในด้านต่าง ๆ ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ตลอดระยะเวลา 69 ปี “โครงพระราชดำริฝนหลวง” ได้สร้างคุณูปการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความมั่นคงด้านน้ำให้แก่ประเทศไทย และด้วยพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้ทรงคิดค้นเทคโนโลยีฝนหลวงขึ้นที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก พร้อมกับได้จดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการนำเทคนิคและวิธีการทำฝนหลวง ตามตำราฝนหลวงพระราชทานไปปรับใช้แก้ปัญหาความแห้งแล้งในประเทศของตัวเอง ถือได้ว่าโครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นนวัตกรรมที่เกิดจากพระอัจฉริยภาพอย่างแท้จริง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยและคนทั่วโลก
ด้าน นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2567 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 พฤศจิกายน 2567 ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9
ที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นโครงการพระพระราชดำริฝนหลวง และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการในการรักษา สืบสาน และต่อยอด ในโครงการพระราชดำริของพระราชบิดา รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับภารกิจหลักของหน่วยงาน อาทิ ภารกิจบรรเทาปัญหาภัยแล้ง
การเติมน้ำต้นทุนในพื้นที่ลุ่มรับน้ำ การบรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก การบรรเทาและยับยั้งความรุนแรงของพายุลูกเห็บ นอกจากนี้ยังมีภารกิจในการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีฝนหลวง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการฝนหลวง ภารกิจการติดตามและตรวจสภาพอากาศ ภารกิจด้านอากาศยานที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้นำเทคโนโลยีที่มีความเจริญก้าวหน้ามาใช้ที่มีส่วนช่วยให้การทำฝนมีความแม่นยำตรงต่อความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น และที่พลาดไม่ได้สำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ภายในงานจะมีการจัดลานกิจกรรมให้ความรู้ (Play & Learn) สำหรับการฟังบรรยายให้ความรู้ถึงการปฏิบัติการฝนหลวง พร้อมทั้งตอบคำถามสำหรับการรับของที่ระลึก
นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เชิญหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานร่วมบูรณาการ อาทิ กองทัพอากาศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เข้าร่วมจัดนิทรรศการให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ แก่ผู้เข้าชมงาน และในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. จัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายแด่องค์พระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ ตลอดการจัดงาน ยังมีการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอีกมากกว่า 70 ร้านค้า เป็นผลิตภัณฑ์สินค้า OTOPซึ่งมีทั้งผัก ผลไม้ อาหารสด และอาหารแปรรูปทางการเกษตร มาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาประหยัด รวมทั้งยังมีกิจกรรมการสาธิตเสริมสร้างอาชีพจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ สาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ การทำพวงกุญแจ การทำซูชิข้าวก่ำล้านนา การทำน้ำหมักจุลินทรีย์ (พด.6) สารเร่งซุปเปอร์ (พด.2) และการทำแบคทีเรียสังเคราะห์แสง (พด.15) จึงขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกท่านมาร่วมงาน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 13 - 15 พฤศจิกายน 2567 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และร่วมกันประกาศก้องถึงพระเกียรติคุณแห่งองค์พระบิดาแห่งฝนหลวง ในการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านร่วมกัน