เปลี่ยนการแสดงผล
#พี่น้ำแข็งแห้งกับน้องป่าไม้
11 กรกฎาคม 2563 557 ครั้ง

#พี่น้ำแข็งแห้งกับน้องป่าไม้
  ทั่วโลกต่างออกมาเรียกร้องให้ช่วยกันรณรงค์ร่วมกันต่อต้านภาวะโลกร้อน(Global Warming) ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนนั้นมาจากการใช้น้ำมัน การปล่อยสารพิษ สารเคมี การตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น ทำให้มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ “ก๊าซเรือนกระจก” เพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกที่ผิดปกติขึ้น นอกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วยังรวมทั้งก๊าซชนิดอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติดักจับความร้อนออกไปยังบรรยากาศของโลกอีกด้วย ยิ่งมีปริมาณก๊าซเหล่านี้มากขึ้นจะยิ่งส่งผลให้ความร้อนของโลกมากยิ่งขึ้นจนมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติหรือความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นทั่วโลก(Climate Change)
  ปัจจุบันพิธีสารเกียวโตต่อท้ายอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(UNFCCC) ได้กำหนดให้มีการค้าขายแลกเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกในรูปแบบคาร์บอนเครดิตซึ่งเป็นการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด หรือ CDM (Clean Development Mechanism) ประเทศที่พัฒนาแล้วจะประสบปัญหาในการลดปริมาณก๊าซ สามารถซื้อโควตาคาร์บอนจากผู้ประกอบการในประเทศกำลังพัฒนาที่มีโครงการพัฒนาที่สะอาดทดแทนได้ ป่าไม้ที่อุดมไปด้วยต้นไม้ถือว่าเป็นแหล่งของคาร์บอนเครดิตชั้นดี เพราะพืชสีเขียวทุกชนิดดูดคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงแล้วเปลี่ยนจากคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นเนื้อไม้โดยเนื้อไม้ทั่ว ๆ ไปมีคาร์บอนอยู่ประมาณ 50% เป็นองค์ประกอบ การปลูกต้นไม้จึงเป็นการดึงเอาคาร์บอนมาเก็บไว้ ทำให้คาร์บอนในชั้นบรรยากาศลดลง ประเทศที่มีป่าไม้มากๆอาจจะขายเป็นคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ในอัตราที่พิธีสารเกียวโตกำหนด ดังนั้นมาร่วมกันปลูกต้นไม้เยอะแปลงปลูกต้นไม้ของท่านสักวันอาจจะมีราคาขายเป็นคาร์บอนเครดิตให้กับโรงงานอุตสาหกรรมก็ได้นะครับ
  ต้นไม้ยังไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น ต้นไม้ยังเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิต ช่วยเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิให้กับสภาพแวดล้อม สร้างอากาศให้บริสุทธิ์ อีกทั้งต้นไม้ยังส่งผลให้การเกิดเมฆได้ง่ายขึ้นและฝนตกมากขึ้น ซึ่งสาสมารถสังเกตได้ว่าในบริเวณพื้นที่ที่มีป่าไม้หนาแน่นจะมีฝนตกค่อนข้างชุกและมีปริมาณมากเนื่องมาจากบริเวณดังกล่าวจะมีความชื้นสัมพัทธ์และความเย็นมากกว่าพื้นที่อื่น
การทำฝนหลวงในพื้นที่โล่งแจ้งในสภาพที่อากาศร้อนมากฐานเมฆจะค่อนข้างอยู่สูง การตกของฝนสู่พื้นดินจะค่อนข้างยาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงคิดค้นประยุกต์ใช้น้ำแข็งแห้งโปรยต่ำกว่าใต้ฐานเมฆประมาณ 1,000 ฟุตเพื่อให้ฐานเมฆลดต่ำลง โอกาสที่ฝนจะตกในพื้นที่เป้าหมายจะมากขึ้นและมีปริมาณมากขึ้นด้วย
  น้ำแข็งแห้งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการแยกก๊าซ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเช่น อุตสาหกรรมถนอมอาหารและยารักษาโรค น้ำยาดับเพลิง เป็นต้น เนื่องจากคุณสมบัติของน้ำแข็งจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า -79 องศาเซลเซียส
น้ำแข็งแห้งที่กรมฝนหลวงฯใช้ในปัจจุบันเป็นน้ำแข็งแห้งที่ได้รับการบริจาคจาก บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) จำนวนปีละประมาณ 800 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6,400,000 บาท และจากบริษัทบางกอกอินดรัสเทรียลแก๊ส จำกัด จำนวนปีละประมาณ 70 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,500,000 บาท นับว่าเป็นการร่วมมือของภาคเอกชนที่สนับสนุนโครงการพระราชดำริฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งขอปรบมือรัวๆในน้ำใจครับ
#มือไม่พายนั่งเฉยๆยังไม่น่ารังเกียจ
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"

 

 

ภาพและวีดีโอ