#เติบโตอย่างมีคุณค่า
ใครเคยท่องบทอาขยาน กลอนดอกสร้อยบ้าง? 
ถ้าเคย... ต้องท่องบท"เด็กเอ๋ย เด็กน้อย"ได้แน่ๆ มาลองท่องกันดู จะทำให้หวนคิดไปในอดีตตอนเป็นเด็กกันได้เลยทีเดียว 
หากพร้อมแล้วไปท่องกันเลย...
เด็กเอ๋ย เด็กน้อย
ความรู้ เรายังด้อย เร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่ เราจะได้ มีวิชา
เป็นเครื่องหา เลี้ยงชีพ สำหรับตน
ได้ประโยชน์ หลายสถาน เพราะการเรียน
จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล
ถึงลำบาก ตรากตรำ ก็จำทน
เกิดเป็นคน ควรหมั่น ขยันเอย
ช่างเป็นบทกลอนที่ไพเราะจดจำได้ง่าย และความหมายลึกซึ้งกินใจ คอยเตือนสติเด็กๆที่ท่องให้รู้จักคิด รู้จักวางแผนชีวิต ให้มีชีวิตที่เติบโตอย่างยั่งยืน 
กลอนดอกสร้อยเกิดขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริเป็นการส่วนพระองค์ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงตั้งโรงเลี้ยงเด็กอนาถาขึ้น...
ก่อนที่โรงเลี้ยงเด็กจะสร้างเสร็จ กรมพระยาดำรงฯมีพระดำริว่า ควรมีบทกลอนไว้ให้เด็กร้องเล่น จึงได้ทรงชักชวนกันให้แต่งบทกลอนดอกสร้อยขึ้นเมื่อปี 2431เนื้อหาของบทดอกสร้อยมาจาก บทกล่อมเด็ก และบทร้องเล่นของเด็กที่นิยมร้องกันในท้องถิ่นต่างๆ นำมาตั้งเป็นกระทู้ความ แต่งเป็นกลอนดอกสร้อย และได้จัดพิมพ์จำหน่ายเป็นรายได้ให้โรงเลี้ยงเด็ก โดยหนังสือบทดอกสร้อยสุภาษิตประกอบด้วยบทดอกสร้อยรวม 34 บท และบทเด็กเอ๋ย เด็กน้อยเป็น 1 ใน 34 บท
กรมฝนหลวงฯได้รับการก่อตั้งมาเมื่อปี 2556 นับถึงปัจจุบันก็ครบ 7 ปีย่างเข้าปีที่ 8 ถ้าเป็นคนก็ถือว่ายังอยู่ในวัยเยาว์ต้องเล่นกลอนดอกสร้อยบท"เด็กเอ๋ย เด็กน้อย" เพื่อเตือนสติให้เติบโตไปอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 
ดังนั้นทุกคนต้องเริ่มจากการเรียนรู้ตำราฝนหลวงพระราชทานให้แตกฉาน ต้องหมั่นสังเกตและจดบันทึกการปฏิบัติการฝนหลวงแต่ละวันแล้วนำมาวิเคราะห์ถอดบทเรียนแต่ละวันเพื่อการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในวันถัดไป นั่นหมายความว่าการทำงานกับสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเราก็ต้องมีการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย ไปด้วยตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
จากการที่ชาวกรมฝนหลวงมีพระอาจารย์ที่ทรงพระอัจริยภาพอย่างพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทและตำราฝนหลวง ให้แก่ชาวฝนหลวงเพื่อดำเนินการดัดแปรสภาพอากาศในการช่วยเหลือภัยแล้ง การเติมน้ำให้เขื่อน การดับไฟป่า การบรรเทาหมอกควัน และการยับยั้งพายุลูกเห็บ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ได้รับการปูพื้นฐานที่ดี
อย่างไรก็ตามการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงมีความจำเป็นต้องพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อจะเอาชนะธรรมชาติที่สภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นั่นหมายความว่าทุกคนต้องมีความพร้อมในการเรียนรู้ พัฒนาและขยายผลให้เกิดนวัตกรรมด้วยศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนก้าวสู่เวทีระดับโลกเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้มากยิ่งขึ้น
ชาวกรมฝนหลวงจึงพร้อมใจกันตั้งปณิธานในการสนองพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า"เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป" เพื่อโครงการพระราชดำริฝนหลวงจะได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อประโยชน์ของชาวโลกสืบไปอย่างยั่งยืน...
เขียนโดย "หลงเมฆ"
#จิตสำนึกที่ดีมาจากครูคนแรก(พ่อแม่)
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด