เปลี่ยนการแสดงผล
#ไม่ใช่ปาหี่
2 กันยายน 2563 262 ครั้ง

#ไม่ใช่ปาหี่
  ตลาดนัดจตุจักรหรือที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า weekend market เกิดขึ้นหลังจากปิดตำนานตลาดนัดสนามหลวงเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2525 ด้วยความจำเป็นที่รัฐบาลต้องการใช้พื้นที่สนามหลวงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวกรุงเทพฯและต่างจังหวัดรวมทั้งใช้เป็นสถานที่จัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีและงานพระราชพิธีต่างๆ
  สนามหลวง เดิมเรียกว่า "ทุ่งพระเมรุ"เนื่องจากใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน และพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2398 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก “ทุ่งพระเมรุ” เป็น “ท้องสนามหลวง” ท้องสนามหลวง ได้ใช้เป็นพื้นที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ และจัดงานเฉลิมฉลองต่างๆเรื่อยมา เช่น การฉลองพระนครครบ 100 ปี รวมถึงเคยใช้เป็น สนามแข่งม้า และ เป็นสนามกอล์ฟอีกด้วย
  ต่อมาในปี2491 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีได้ใช้สนามหลวงเป็นตลาดนัดได้ 1 ปี แล้วย้ายตลาดนัดไปอยู่พระราชอุทยานสราญรมย์จนถึงปี 2500 รวมเวลา 8 ปี จึงย้ายกลับมาท้องสนามหลวงอีกครั้งหนึ่งในปี2501 ตลาดนัดสนามหลวงได้รับการตอบรับอย่างดีจากพ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งแผงเรียงรายภายใต้เต้นท์ผ้าใบกว่า 1000 แผง โดยมีสินค้าที่หลากหลายทั้งของกิน ของใช้ รวมทั้งสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นที่สนใจของชาวไทยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ตลอดจนชาวต่างชาติ แต่ข้อเสียของท้องสนามหลวงในสมัยนั้นคือสภาพอากาศค่อนข้างร้อน ฝุ่นค่อนข้างมาก ห้องน้ำค่อนข้างน้อย ห้องน้ำจะมีอยู่เพียงแถบฝั่งพระแม่ธรณีบีบมวยผม และบริเวณนั้นเป็นแหล่งของแผงหนังสือทั้งใหม่และเก่า ทั้งไทยและต่างประเทศ สามารถหาหนังสือได้สารพัดที่นี่ตั้งแต่หนังสือการ์ตูน วารสาร นิตยสาร ตำราแบบเรียน ตลอดจนหนังสือปกขาวสำหรับหนุ่มๆจนลุงๆมาหาซื้อได้ ซึ่งถ้าเป็นพวกหนุ่มๆเดินเข้าไปแถบนั้นประโยคแรกที่มักจะได้ยินเสมอคือ"โป๊มั้ยครับพี่ๆ" ก็ถือว่าเป็นสีสันไปอีกแบบ อีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นได้เสมอๆสำหรับคนที่เคยไปเดินตลาดนัดสนามหลวงแห่งนี้คงจำ"อับดุลเอ๊ย""ถามอะไรตอบได้" กันได้แน่นอน ส่วนคนที่เกิดไม่ทันหรือไม่เคยไปคงนึกภาพไม่ออก
  "อับดุลเอ๊ย" เป็นการแสดงหลอกขายยาหรือขายวัตถุมงคลซึ่งสามารถหาดูได้ที่ตลาดนัดสนามหลวงนี้ในหลายจุดด้วยกัน เป็นการแสดงโดยให้คนที่ถูกเรียกว่า"อับดุล" ให้นอนหงายแล้วมีผ้าคลุมปิดทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า มีการจุดธูปบูชาเป็นกำใหญ่เพื่อให้ดูขลัง คนที่ทำหน้าที่เหมือนพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการจะถามอับดุลแล้วให้อับดุลตอบ เช่น ถามว่าคนที่ถูกผู้ดำเนินรายการชี้อยู่ว่าใส่เสื้อสีอะไร อับดุลก็ตอบได้ถูกต้องทันทีทั้งๆที่อับดุลถูกจับนอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ จริงๆแล้วมันก็คือมายากลดีๆนี่เอง ที่ลอกเลียนแบบมาจากการแสดงปาหี่ของจีน ซึ่งต้องมีการเตี๊ยมกันไว้ก่อนแน่นอน แล้วก็จะบอกว่าเดี๋ยวจะตัดหัวอับดุลให้ดูบ้าง เอางูมาโชว์บ้าง พังพอนบ้าง บอกจะโชว์ปลาช่อนงูเห่าบ้าง จะโชว์ประเภทสัตว์ประหลาดที่ชวนให้คนสนใจ แล้วก็สลับการขายยาหรือขายวัตถุมงคล โดยอ้างสรรพคุณของยาหรือวัตถุมงคลที่นำมาขายให้เกี่ยวพันกับเรื่องที่แสดง
  ผู้เล่นปาหี่นี้ต้องมีลักษณะพูดเก่ง โม้เก่ง โม้ให้ได้นานๆ ถ่วงเวลาให้ได้มากๆ จนคนที่เฝ้ายืนดูเมื่อยจนขาแข็ง แล้วทนไม่ไหวก็เลิกดูไปเอง แต่ในระหว่างยืนดูอยู่นั้นอาจจะเผลอช่วยอุดหนุนของที่ชาวคณะปาหี่นำมาขายไปแล้วโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากยืนดูจนคณะปาหี่เลิกไอ้ตัวประหลาดทั้งหลายแหล่ที่บอกจะเอามาโชว์ หรือจะตัดหัวอับดุลหมุนคอให้ดูก็ไม่มี เรียกว่ามีความอดทนให้หลอกจนวินาทีสุดท้าย
  ปัจจุบันปาหี่ที่แสดงกลางแจ้งเช่นในตลาดนัดสนามหลวงคงหาดูได้ยากเพราะโลกวิวัฒนาการไปเยอะ ทั้งคน และเทคโนโลยี ทำให้ปาหี่กลางแจ้งกลายพันธุ์มาเป็นปาหี่ออนไลน์แทน
ปาหี่ออนไลน์เป็นอย่างไร?
  ก็พวกประเภทนักเลงคีย์บอร์ดหรือพวกเกรียนปากดีทั้งหลายแหล่ พูดได้เป็นวักเป็นเวน พอขอดูหลักฐาน หลักการต่างๆนานาแต่ไม่มีให้ดูไงล่ะ 
  กลับมาที่การปฏิบัติการฝนหลวงกันสักหน่อย ตามที่ทราบกันดีว่าการปฏิบัติการฝนหลวงต้องอาศัยสภาพอากาศเป็นตัวตั้ง จึงจำเป็นต้องตรวจวัดสภาพอากาศชั้นบนทุกเช้า เพื่อนำมาวิเคราะห์ค่าตัวแปรต่างๆตามหลักการตำราฝนหลวงพระราชทาน และกรมฝนหลวงฯจะมีทำการ live ผ่านเพจ facebook ของกรม เวลา 10.30 น. ทุกวัน เพื่อชี้แจงเงื่อนไขของสภาพอากาศ หากสภาพอากาศเอื้อต่อการปฏิบัติการแล้ว จะมีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการช่วยเหลือพื้นที่ใดบ้างอย่างชัดเจน
  แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างวันและการปฏิบัติการฝนหลวงไม่ได้มีเพียงขั้นตอนเดียว ในระหว่างวัน กรมฝนหลวงฯจึงมีการรายงานความก้าวหน้าการปฏิบัติการฝนหลวงให้ทราบเพิ่มเติมในระหว่างวันอีกด้วยทั้งทางเพจfacebook, line, instragram, twitter และเว็บไซต์ของกรม ซึ่งอาจจะมีแผนการปฏิบัติการฝนหลวงของหน่วยต่างๆเพิ่มเติม
  สุดท้ายจะมีการรายงานการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยปฏิบัติในช่วงค่ำของวัน เพราะหลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติงานประจำวันแล้วในช่วงเย็น จึงจะมีเวลาทำการประมวลและสรุปข้อมูลผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันพร้อมกับรายงานเข้าในระบบรายงานผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันต่อไป และนำมาประชาสัมพันธ์ในวันรุ่งขึ้นในช่วง live ผ่านเพจfacebook ของกรมอีกด้วย
  จะเห็นว่าการปฏิบัติการฝนหลวงนั้นเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ได้พิสูจน์แล้วจนเป็นตำราฝนหลวงพระราชทาน และมีการกำหนดขั้นตอนในการปฏิบัติงานประจำวันและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบในแต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นสรุปผลการปฏิบัติการประจำวัน ไม่ใช่เป็นแค่การพูดด้วยลมปากหลอกให้คนคอยติดตาม แต่สุดท้ายไม่มีผลลัพธ์หรือหลักฐานที่มาแสดงให้เห็นได้ เพราะพวกเราไม่ใช่นักแสดง"ปาหี่"
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"
#ขาดสติย่อมเป็นเหยื่อของผู้ลวงโลก
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด ดูน้อยลง

ภาพและวีดีโอ