#ชุมชนแห่งบ้าน วัด โรงเรียน(ตอนที่1)
  ณ บ้านก่อ ตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง มีเรื่องเล่าขานได้มากมายสำหรับพื้นที่เล็กๆแห่งนี้ ผู้คนเต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรี ด้วยความผูกพันกันตามวิถีชนบทในรูปแบบ "บ้าน วัด โรงเรียน" 
  โรงเรียนบ้านก่อ เป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านตั้งอยู่ติดกับวัดบ้านก่อ มีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รวมจำนวนประมาณ 120 คน เป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ด้วยความรักของคุณครู และด้วยรอยยิ้มพร้อมแววตาแห่งความสดใสของเด็กๆ ครูของโรงเรียนแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ที่ได้หยิบยื่นความเอาใจใส่ ความรัก ความเมตตาให้กับเด็กๆดั่งลูกหลานของตนเอง โดยมีผู้นำชุมชนและคณะกรรมการบริหารจัดการของโรงเรียนคอยเอาใจใส่ดูแล จัดให้มีระบบโครงการอาหารกลางวันแก่นักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้มีอาหารที่ถูกหลักการโภชนาการ พร้อมปลูกฝังให้นักเรียนมีความรับผิดชอบและสามัคคีกันในการทำแปลงปลูกผักและเลี้ยงปลาดุกเพื่อจะนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารกลางวัน ส่วนผลผลิตที่เหลือจากการนำมาทำเป็นอาหารกลางวันแล้ว จะนำไปวางขายหน้าโรงเรียน ซึ่งก็ได้รับการอุดหนุนจากพี่ป้าน้าอาในหมู่บ้านเป็นอย่างดี เป็นการสร้างกำลังใจให้กับเด็กๆเป็นอย่างยิ่ง
  หลังจากได้พูดคุยกับคุณครูมากขึ้น ก็พบสิ่งที่น่าทึ่งสำหรับโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้คือ นักเรียนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดการปั้นดินน้ำมันระดับประเทศ และเมื่อได้เห็นผลงานของน้องๆแล้ว ถึงขนาดต้องอุทานร้องว้าว! นี่เป็นผลงานน้องๆแค่เพียงระดับประถมต้นเองหรือนี่ ช่างสวยงามปราณีตมากมาย คงเป็นเพราะด้วยความเอาใจใส่ของคุณครูที่ทุ่มเทแนะนำสั่งสอนศิษย์อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันศิษย์ก็หมั่นฝึกปรือฝีมือให้พร้อมในวันลงสนามแข่ง เรียกได้ว่าศิษย์พร่องน้ำในแก้วตนเพื่อรอคอยการเติมเต็มจากครูผู้พร่ำสอนนั่นเอง
  ณ โรงเรียนแห่งนี้พวกเราชาวฝนหลวงได้มาช่วยกันเติมน้ำในแก้วของน้องๆให้มากขึ้น ด้วยการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริฝนหลวงไว้ที่ห้องสมุด เพื่อให้น้องๆนักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนน้องๆจากโรงเรียนอื่นๆในละแวกใกล้เคียง เข้าเยี่ยมชม ศึกษาหาความรู้ อันจะทำให้น้องๆเยาวชนเหล่านี้ได้เข้าใจและซาบซึ้งในพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพระบิดาแห่งฝนหลวงที่เคยทรงงานอย่างหนักมาเพื่อประชาชนชาวไทย และด้วยความหวังว่าน้องๆเหล่านี้เติบโตขึ้นจะเข้าใจเรื่องราวของโครงการพระราชดำริฝนหลวงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดค้นขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอย่างแท้จริง
หลังจากได้เล่าที่มาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง และขั้นตอนการปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 3 ขั้นตอน คือ ก่อกวน เลี้ยงให้อ้วน และโจมตี ให้คุณครูและน้องๆได้รับฟัง ทำให้คุณครูและน้องๆเข้าใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบิดาแห่งฝนหลวง และอยากที่จะค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับเรื่องโครงการพระราชดำริฝนหลวงมากยิ่งขึ้นเพื่อต้องการจะเป็นวิทยากรต้วน้อยคอยบรรยายให้เพื่อนๆฟังเวลามาเยี่ยมเยียนห้องสมุดแห่งนี้
  เมื่อก้าวเดินข้ามรั้วโรงเรียนไปก็เป็นเขตพัทธสีมาวัดบ้านก่อ ซึ่งเป็นวัดที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากตามแบบศิลปล้านนา ภายในพระอุโบสถช่างงดงามไปด้วยจิตกรรมฝาผนังที่วาดจากการจินตนาการจากการอ่านพระไตรปิฎกโดยอดีตเจ้าอาวาส(หลวงพ่อคำป้อ) และเป็นผู้ลงมือวาดด้วยตนเองตามจินตนาการโดยใช้สีที่ทำจากธรรมชาติเช่น ยางไม้ อิฐ เปลือกไม้ ฯลฯ ภาพวาดได้เล่าเรื่องทศชาติชาดกได้อย่างงดงามยิ่งนัก แม้ภาพวาดเหล่านี้มีอายุล่วงมากว่า 80 ปีแล้วก็ตาม วัดแห่งนี้ยังเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านก่อเป็นอย่างดี โดยในช่วงเทศกาลบุญต่างๆชาวบ้านได้นำอาหารกับเครื่องบริวารทั้งหลายมาทำบุญตามประเพณี ร่วมสวดมนต์ ฟังเทศน์ ฟังธรรม โดยเฉพาะนักเรียนโรงเรียนบ้านก่อซึ่งมีแค่รั้วกั้นระหว่างวัดและโรงเรียนเท่านั้น จึงทำให้น้องๆสามารถได้ทำกิจกรรมไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรมที่วัดนี้ได้อยู่เนืองๆนับเป็นการปลูกฝังจิตใจให้ใฝ่ดีมีธรรมประจำใจ
  การลงพื้นที่ของทีมชาวฝนหลวงครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังแห่งความดี ย่อมเสมือนแม่เหล็กดึงดูดสิ่งที่ดีๆมาสู่ตน ชาววังเหนือได้ดึงดูดทีมงานชาวฝนหลวงให้ไปร่วมกันสร้างพลังแห่งความดี พลังบวกให้กับเด็กๆและชุมชน ดังคำกล่าวที่ว่า"คนเราหากศีลเสมอกันแล้วย่อมได้รับการเกื้อกูลต่อกัน ดึงดูดเข้าหากันโดยไม่ต้องมีการเรียกร้องใดๆ" หรือ"คนประเภทเดียวกันย่อมดึงดูดเข้าหากัน" ซึ่งปรากฏให้เห็นในทุกวันนี้ แม้แต่ทางโซเชียลมีเดียก็เช่นเดียวกันจากข้อความต่างๆของแต่ละคนย่อมบ่งบอกตัวตนให้คนประเภทเดียวกันดึงดูดมารวมกัน...
เรื่องราวดีๆของชาววังเหนือยังไม่ได้จบเพียงแค่นี้ เรามาติดตามเรื่องที่น่าทึ่งของชาววังเหนือกันได้อีกในตอนต่อไป...
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"
#บ้านวัดโรงเรียนมีอิทธิพลยกระดับจิตใจคนให้สูงขึ้น
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด