17 สิงหาคม 2564
431
ครั้ง
ความรักของแม่ วลีนี้คำอธิบายคงไม่มีวันจบสิ้นครับ เพราะถ้าสามารถบอกเป็นตัวอักษรก็คงเต็มท้องฟ้า เหมือนตอนเด็กที่เราเคยบอกแม่ว่ารักแม่เท่าฟ้า(พร้อมกางมืออ้าสุดวงแขน) และดวงตาของแม่ตอนนั้นมันบ่งบอกถึงความสุขที่ไม่มีอะไรมาอธิบายแล้ว และเมื่อกาลเวลาเดินผ่านไปตามวัฏจักรของชีวิตความรักของลูกที่มีต่อแม่อาจจะถูกแทรกด้วยความรักอื่นมาแทนที่ไปบางส่วน แต่ความรักของแม่นั้นไม่มีสิ่งอื่นมาแทรกได้ รักลูกตอนเป็นเด็กอย่างไรเมื่อลูกเติบใหญ่ขึ้นเพียงใด แม่ก็ยังเห็นลูกนั้นเหมือนเด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนเสมอ ความห่วงใย ความรัก ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ชีวิตผมตั้งแต่จำความได้ เห็นแม่นั้นมีชีวิตที่ลำบากมาก หลังจากมาอยู่กับพ่อและมีผมตอนแม่อายุ 21 และต้องไปทำไร่ที่ห่างจากบ้านค่อนข้างไกล จึงต้องเอาผมไปไร่ด้วยและแม่บอกว่าเอาเชือกผูกผมไว้กับต้นไม้เพื่อกันหายเวลาแม่ทำงาน และเมื่อผมเริ่มโตขึ้นอายุประมาณ 7-8 ขวบ แม่กับพ่อเริ่มไปทำไร่แบบที่ไกลจากที่เดิมมากไปทีละหลายเดือน ส่วนตัวผมนั้นแม่ไม่สามารถเอาไปด้วยกัน จึงฝากย่า อา ไว้ (แบบว่าค่ำไหนนอนนั่นและผมสามารถกินข้าวในครัวได้ทุกบ้านเพราะยังไม่มีบ้านเอง และสมัยก่อนลุงป้าน้าอา ยังอยู่กันแบบสังคมไทย) แม่สอนให้ช่วยเหลือตัวเอง ต้องอดทน และชีวิตตอนสาว ๆ ของแม่ แม่ไม่เคยได้แต่งตัวสวย ๆ เลย ไม่เคยได้ไปเที่ยวมีแต่ทำไร่ และทำไร่ตั้งแต่เช้ายันเย็น วันแล้ววันเล่า ผมเห็นจนชิน ตลอดชีวิตผม แม่ไม่เคยพูดคำหยาบคายกับผมเลย และมีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนอาจไม่เจอคือตลอดชีวิตผมแม่ไม่เคยกอดผมเลย (มีแต่ลูบหัว ลูบไหล่และอวยพรให้ แต่แม่บอกว่าถึงแม่ไม่ได้แสดงการรักลูกด้วยการกอดลูก แต่แม่ก็รักลูกมากนะ เมื่อโตมากขึ้นแม่จึงบอกผมว่าเพราะชีวิตแม่ก็ไม่เคยได้รับการกอดจากพ่อแม่(ตากับยายผมขายแม่ให้แม่บุญธรรมในขณะที่แม่อายุได้ประมาณ 7-8 ขวบ เเละต่อมาตากับยายก็เสียตั้งแต่แม่ยังเล็ก และแม่ได้เรียนหนังสือแค่ป.4 แล้วออกมาทำงานบ้านของแม่บุญธรรม ชีวิตแม่จึงค่อนข้างลำบาก แม่จึงไม่คุ้นเคยกับการกอด ซึ่งผมก็เข้าใจแม่ (แม่ผมเก่งเรื่องคิดเลขมากและเป็นผู้นำครอบครัวด้วย)
แม่สอนผมเสมอให้ตั้งใจเรียน มีสัมมาคารวะ รู้คุณคน อย่าโกงคน แม่ลำบากในการทำไร่เพื่อส่งผมเรียนจนจบปริญญาตรี และมีงานราชการทำ แม่ภูมิใจในตัวผมมาก และเรื่องครอบครัวของลูกแม่จะไม่มียุ่งเกี่ยว คอยให้คำชี้แนะและให้ใจเย็น ๆ เพราะชีวิตครอบครัวนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะราบรื่น และจนถึงขณะนี้ผมอายุ 60 และแม่อายุ 82 แล้ว แต่แม่ก็ยังเป็นห่วงเป็นใยเสมอ กลับบ้านไปหาทีไรก็ต้องเตรียมอาหารไว้เต็มที่และเตรียมกลับกรุงเทพด้วย
ในช่วงวัยชราของแม่ แม่บอกว่าแม่มีความสุขมากกว่าเพื่อนแม่อีกหลาย ๆ คนที่ต้องมาลำบากดิ้นรนทำงานตอนแก่ และเกือบ 11 ปีแล้วที่พ่อจากพวกเราไปก็เหลือแม่นี่แหละเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรกับลูก ผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดสำหรับชีวิตแม่ที่เหลืออยู่ และหวังว่าอีก 2 เดือนผมคงสามารถตอบแทนพระคุณแม่ได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับที่แม่ดูแลผมมาทั้งชีวิต (ถ้าไม่โดนโควิด19 มาพรากจากกันเสียก่อน) เรามีการวางแผนไปในที่ต่าง ๆ ที่แม่ชอบและอยากไป (แต่สถานการณ์โควิด19 นี่แหละอาจทำให้ผิดแผน)
ท้ายนี้คำพูดของแม่ที่ว่าถึงแม้ว่าแม่จะไม่เคยกอดลูกแล้วจะแสดงว่าแม่ไม่ได้รักลูกนะ เพราะแม่ก็รักลูกมากที่สุดนะ แม่ครับผมก็รักแม่สุดในโลกรักแม่เท่าฟ้าเลยครับ
เขียนโดย “เด็กน้อยในวันนั้น”