“แม่..ศูนย์รวมแห่งจิตใจ”ฉันเยื้องย่าง ร่ายรำ ตามทำนองเพลงพลายชุมพลให้แม่ดู แม่ยิ้ม ดวงตาสดใส บ่งบอกความพอใจ “แล้วจัดแจง แต่งกาย เออ เอิง เอย พลายชุมพล ปลอมตนเป็น มอญใหม่ ดูคมสัน เอย เอ๋ย โอละหน่าย โอละหน่าย หน่อยเอย ”เพลงไทยเดิม และทำนองเพลงสำหรับการรำไทย เป็นสิ่งที่แม่โปรดปราณมาก ส่วนการรำของฉัน เป็นแค่ตัวประกอบ ที่เพิ่มความพอใจให้กับผู้ชม ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อให้แม่พอใจ มีความสุข ในช่วงเวลาที่แม่ป่วยหนักและต้องนอนติดเตียงทนทุกข์ทรมาน ตอนนั้นแม่อายุ 86 ปีแล้ว ดังนั้นความสุขที่แม่ได้รับมีไม่มากนัก แม่ป่วยทุกโรค ที่เป็นโรคยอดฮิตติดอันดับของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ เริ่มเป็นตั้งแต่อายุ 50 กว่าๆ แต่มีอาการไม่มาก ดูแลรักษาด้วยการกินยา และหาหมอตรวจติดตามอาการไปตามกำหนดเวลา ในวัยกลางคนและถึงแม้แม่จะป่วย แม่ก็ยังคงทำหน้าที่ ของความแม่ ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ ดูแลลูกๆ หลานๆ และให้ความช่วยเหลือลูกทุกคนที่มีปัญหามาปรึกษาแม่ ทุกคนพึ่งแม่ได้เสมอในทุกๆ ปัญหา ลูกแต่ละคน มีปัญหาแตกต่างกันไป ปัญหาครอบครัว การงาน แม่ก็ให้แนะนำ หาทางออกให้ได้ แม่เรียนหนังสือน้อย แต่มีวิธีการพูด และวิธีคิดที่ลูกๆ ยอมรับและมั่นใจหากมาคุยกับแม่ จะมีทางออกของปัญหาได้เสมอ คงมีเรื่องเงินเพียงเรื่องเดียว ที่แม่ช่วยไม่ได้มากโดยเฉพาะในระยะหลังๆ ที่แม่ไม่ได้ต้องทำมาหากินแล้ว เพราะลูกๆ ต้องการให้แม่พัก แม่จะมีแค่เงินที่ลูกๆ ให้ไว้ติดตัว ซึ่งจริงๆ แล้วในวันหนึ่งๆ นั้น แม่แทบไม่ต้องใช้เงินเพื่อหาซื้ออะไรเลย เพราะกินอยู่ในบ้านกับลูกๆ หลานๆ
เราเป็นครอบครัวใหญ่ พี่น้องรวม 8 คน เฉพาะลูกสาว 3 คน เลือกที่จะมาปลูกบ้านอยู่ติดกัน และแม่จะอยู่บ้านของลูกสาวคนกลาง บ้านอยู่ตรงกลาง รั้วด้านข้างของบ้านทั้ง 3 หลังทำเป็นประตูที่สามารถเปิดและเดินไปมาหาสู่กันได้ตลอดเวลา ทุกคนเดินไปหาแม่ ซื้อของไปให้แม่ได้ตลอดเวลา และก็บ่อยครั้งที่บ้านทั้ง 3 หลังมารวมกินข้าวพร้อมๆ กัน ฉันรู้แม่มีความสุข และกินข้าวได้มากกว่าทุกครั้ง ถ้าลูกๆ ทำกับข้าวแล้วมากินข้าวด้วยกัน ซึ่งได้กลายมาเป็นกติการ่วมกันของลูกๆ ที่ทุกวันหยุดจะต้องหาเรื่องทำอะไรกินกัน เพื่อให้แม่ของเรากินข้าวได้มากขึ้น
แม่เป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคน ทุกๆ วันหยุดยาว เทศกาลประจำปีต่างๆ ไม่ว่าจะปีใหม่ สงกรานต์ หรือ Long weekend ใดๆ ลูกหลานต้องมารวมกันที่บ้านแม่ และวันนั้นแม่จะมีความสุขมาก เสียงเจี๊ยวจ๊าวของลูกหลาน เป็นเสียงสวรรค์ของแม่จริงๆ ช่วงเวลาที่เป็นทุกข์ของพวกลูกหลานคือวันที่แม่ต้องป่วยหนักและทรมานจากโรคที่เป็น แม่อายุมากแล้วในวัยชรา ลูกๆ ผลัดเวรกันเฝ้าดูแลแม่ จวบจนวาระสุดท้าย
แม่จากพวกเราไปถึงวันนี้ผ่านไป 7 ปีแล้ว ทุกวันนี้ เวลาที่ฉันกลับไปบ้านแม่ ฉันต้องเดินเข้าไปในห้องแม่ ซึ่งที่จริงได้ปรับเปลี่ยนไปเป็นห้องนอนของหลานไปแล้ว แต่ฉันก็แค่อยากเข้าไปเก็บความรู้สึก และความทรงจำดีๆ ที่มีกับแม่ของฉัน ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่เคยหายไปจากความทรงจำของฉันเลย ฉันนึกถึงวันสุดท้ายของแม่ วันนั้นฉันสวดมนต์ให้แม่ฟัง แม่ฟังอย่างสงบ ฉันให้แม่นึกถึงการทำบุญที่ผ่านมาของแม่ แม่ทำบุญมากมาย ฉันจับมือแม่และแม่ก็บีบมือฉัน เป็นความรู้สึกสุดท้ายที่ฉันสัมผัสแม่ได้และไม่เคยลืมความรู้สึกนั้นเลย ทุกวันนี้ฉันยังคงรู้สึกว่าแม่อยู่กับฉันตลอดเวลา อยู่รอบกายฉันเสมอในทุกๆ ที่ แม่ไม่ได้จากฉันไปไหนเลย ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ใดในสัมปรายภพนี้
เขียนโดย “ตุ้งแช่”