12 กันยายน 2564
337
ครั้ง
ในช่วงสัปดาห์นี้หากคุณผู้อ่านได้ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ผมว่าสายตาของท่านคงหลีกหนีไม่พ้นจากข่าวที่สร้างความสงสัย และอดที่จะเป็นห่วง “น้องจีน่า” ไม่ได้แน่ๆ นับว่าเป็นอีกข่าวหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของคนในสังคม เกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างปริศนา
ด้วยวัยของน้องจีน่า 1 ขวบ 11 เดือนที่หายตัวไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ไปถึง 2 วัน กับอีก 17 ชั่วโมง และสิ่งที่ตามมาคือ ภารกิจการออกตามหาโดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน กว่าจะพบตัวน้องจีน่า ก็ปาเข้าไปถึงวันที่ 8 กันยายน ตามเนื้อข่าวที่ได้รายงานกันอย่างโครมครามระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาวเมียนมาร์ ที่เป็นเพื่อนกับพ่อของน้องจีน่ามาสอบปากคำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้พบพิรุธในหลายประการ และในเบื้องต้นก็รับสารภาพว่า ได้พาน้องจีน่าไปสังเวยให้กับจ้าวป่าจ้าวเขา หรือมีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีกบ้าง ซึ่งคดีนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน สอบสวน ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เอาเป็นว่าพ่อแม่ได้พบกับน้องเรียบร้อย และปลอดภัยนับว่าความสุขของครอบครัวได้กลับมาอีกครั้ง
จากเหตุการณ์ของข่าวนี้ถ้าหากเราพูดกันในแง่พระพุทธศาสนา ถือว่าเพื่อนของพ่อน้องจีน่า นับว่าขาดสติเป็นอย่างมาก เพราะสิ่งแรกที่ได้สารภาพกับเจ้าหน้าที่นั้นบอกว่ามีจ้าวป่าจ้าวเขา มาบอกให้นำเด็กมาสังเวย เท่ากับว่าตนเองนั้นได้แสดงถึงการระลึกไม่ได้ นึกไม่ได้ มีความเผลอเลอ การคุมจิตไว้ก็ทำไม่ได้ ไม่มีความยับยั้งช่างใจ เพราะทางพุทธศาสนานั้นสอนให้เรา รู้จักการกำหนดรู้ ตระหนักรู้ ระลึกรู้ สัมผัสรู้ ให้รู้สึกตัวมีสติอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอะไรก็ต้องมีสติ แม้แต่การเดิน
จะว่าไปแล้วการทำงานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในแต่ละวันนั้นมีการกำหนด การทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ว่าจะเป็นกำหนดช่วงเวลาในการบินปฏิบัติการ กำหนดพื้นที่เป้าหมาย โดยข้อมูลทั้งหมดต้องได้มาอย่างตระหนักรู้ ทุกอย่างมีการปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอนไล่ตั้งแต่การก่อเมฆ เลี้ยงให้อ้วน และโจมตี ตามศาสตร์ฝนหลวงพระราชทาน แม้ในบางครั้งการทำงานจะไม่ประสบผลสำเร็จ ประสบผลสำเร็จแต่น้อย หรือประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจก็ตาม พวกเราก็ไม่เคยโทษฟ้า โทษฝนว่าทำไมถึงไม่ตกทั้งๆ ที่ก็ได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว หรือต้องนำสิ่งมีชีวิตไปสังเวย หรือแห่ให้กับสิ่งที่เชื่อได้ว่าจะบันดาลสิ่งที่ปรารถนาหล่นมาจากฟ้า แม้บางครั้งอาจจะสำเร็จก็ตาม
แต่เหล่านักล่าเมฆนั้นก็มิได้ย่อท้อ หรือขาดสติในการทำงานแต่อย่างใด แต่ได้นำผลการทำงานที่ยังไม่น่าพอใจมาปรับปรุง เริ่มวางแผนกันใหม่เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืนในวันข้างหน้า เพื่อสร้างความสุขให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำใช้การเข้าเขื่อนต่างๆ แม้ด้วยสภาพอากาศในระยะนี้ที่มีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ และจากการปฏิบัติงานในแต่ละวันอาจจะสร้างความไม่สบายใจให้กับบางท่าน แต่ถ้าหากพิจารณาอย่างมีสติ ฝนที่ตกนั้นก็ไม่ได้ตกทั่วทั้งประเทศในคราวเดียว บางพื้นที่ปริมาณน้ำใช้การยังไม่เพียงพอต่อการเกษตร เพียงแค่เสียงเครื่องบิน บินผ่านพื้นที่เหล่านั้นก็สามารถเรียกสติจากพวกเค้าที่อาจกำลังจะสิ้นหวัง ให้มีความหวังและรับรู้ว่าคุณมิได้เดินเดียวดาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าหากเราสามารถสร้างความสุขให้ผู้อื่นได้ ตัวของผู้ปฏิบัติงานเองนั้นก็มีความสุขด้วยเช่นกัน
ในห้วงเวลานี้ข่าวสารรอบตัวเราส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้กับเรามากนัก แต่ถ้าหากเราตั้งสติให้อยู่กับตัวเรา ตื่นรู้ รู้สึกตัว อยู่ตลอดเวลาและรู้ว่าจะปฏิบัติตนอย่างไรให้ห่างไกลจากความทุกข์ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความสุขให้เกิดขึ้นแก่ตนเองไปพร้อมๆกันด้วย ผมคิดว่าสภาพสังคมจะน่าอยู่โสภาสถาพรมากขึ้นแน่นอนครับ เช่นเดียวกับพุทธศาสนาสุภาษิตในบทที่ว่า “สติมา สุขเมธติ แปลว่า คนมีสติ ย่อมได้รับความสุข”
#คนมีสติ จะมีสตัง แต่คนขาดสติ อาจไม่เหลือแม้สตางค์
เขียนโดย “เมฆเล็กเล็ก”