ตั้งแต่ผมจำความได้ในบ้านปู่ย่าบ้านพ่อแม่ ลุงป้าน้าอา ตลอดจนร้านต่างๆจะมีรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ติดอยู่ทุกบ้าน สมัยนั้นคิดเพียงว่าเพราะท่านคือพระเจ้าแผ่นดิน ทุกคนจึงเคารพนับถือ ถือเป็นหลักชัยของแผ่นดิน การมีรูปพระองค์ท่านไว้ในบ้านจะทำให้บ้านนั้นมีมงคล ร่มเย็นเป็นสุข และเมื่อย้อนหลังไปในอดีตต้นตระกูลผมมีเชื้อสายคนจีน ที่อพยพมาจากประเทศจีนมาพึ่งโพธิ์ธิสมภารแผ่นดินไทยทำให้บรรพบุรุษมีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 9 ที่ให้สิทธิของประชาชนเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งชนชั้น เผ่าพันธุ์ ทำให้ตระกูลผมสามารถประกอบอาชีพสร้างเนื้อสร้างตัวมีหลักในชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้
และในอดีตวัยเด็กของผมมีความทรงจำกับในหลวงรัชกาลที่ 9 เริ่มด้วยบ้านผมนั้นติดกับถนนสุขุมวิทในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ในบางวันจะมีรถตำรวจนำเปิดไซเรนหรือสมัยเด็กๆ เรียกว่ารถหวอนำหน้าแล้วก็จบมีรถสีครีมวิ่งมาในขบวนหลายคัน และบางคันมีธงติดหน้ารถ แม่ ผมและหลานๆ ก็จะรีบวิ่งออกมาริมถนนเพื่อมาดูว่าเป็นรถใคร แม่ก็จะบอกว่าเป็นรถของในหลวงที่เสด็จผ่านมา (แต่ส่วนมากผมจะมองเห็นไม่ทันว่าในหลวงอยู่คันไหนเพราะรถในขบวนจะวิ่งเร็วมาก) ผมถามแม่ว่าท่านจะเสด็จไปไหนแม่ตอบว่าในหลวงท่านเสด็จไปดูงานในที่ต่างๆ ที่ทรงมอบหมายให้พวกข้าราชการทำไว้ และพระองค์ท่านมาติดตามงานที่ทรงสั่งไว้ ซึ่งในตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่ามันคืองานอะไรทำไมในหลวงถึงจะต้องมาติดตามงานด้วย
และวันเวลาได้ผ่านไปภาพที่ผมวิ่งมาดูรถขบวนเสด็จก็ค่อยๆ เลือนหายไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสถานที่การศึกษาและหน้าที่การงาน จวบจนกระทั่งในวันหนึ่งที่ผมนั้นมีโอกาสมาเป็นข้าราชการ ถึงได้รับทราบว่าประเทศไทยมีโครงการในพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการ และที่สำคัญ ผมนั้นได้มาเป็นข้าราชการที่สำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยพระองค์เองเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชนให้พ้นจากความเดือดร้อนจากภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงเพื่อให้มีน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ
และเมื่อผมทำงานในโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่องจวบจนวันนี้ได้ 35 ปีแล้ว ซึ่งในขณะทำงานที่หน่วยงานนี้ในสมัยที่รัชกาลที่ 9 ยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น มีความทรงจำที่ไม่ลืมเลือนเพราะพระองค์ท่านได้ติดตามผลรายงานการปฎิบัติการฝนหลวงประจำวันทุกวันมิได้ขาด และทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง พระราโชบาย โปรดเกล้าพระราชทานลงมายังสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง (ต่อมายกฐานะเป็นสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร และต่อมาเป็นกรมฝนหลวงและการบินเกษตร) เป็นระยะๆ ทำให้ผมนั้นรู้สึกซาบซึ้ง และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นทรงมีความเป็นห่วงในการปฎิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรอยู่ตลอดเวลาและในบางปีที่มีภาวะภัยแล้งค่อนข้างรุนแรงพระองค์ท่านก็จะพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์มาสนับสนุนในการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษขึ้น (เป็นหน่วยเฉพาะกิจ) เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งอย่างให้ทันเหตุการณ์และทันท่วงที ซึ่งกับผมนั้นมีโอกาสเข้าร่วมในภารกิจดังกล่าวหลายครั้งและได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 รวม 2 ครั้งด้วยกัน
ความทรงจำเวลาได้เข้าเฝ้านั้นพระองค์ท่านจะมีความสุขและยิ้มแย้มเมื่อเวลาตรัสถึงโครงการฝนหลวงที่ปฏิบัติการแล้วประสบผลสำเร็จสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ ซึ่ง ณ เวลานี้ผมได้เกษียณอายุราชการแล้ว และบทความนี้เป็นความทรงจำเพียงส่วนหนึ่งในหลายร้อยความทรงจำของผมที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และก็เป็นความทรงจำส่วนหนึ่งในชีวิตการเป็นข้าราชการในกรมฝนหลวงและการบินเกษตรที่ยังสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณอันหาที่สุดมิได้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีต่อประชาชนเกษตรกร ของพระองค์โดยที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เขียนโดย ชายสูงวัยในวันนี้