ไขข้อข้องใจ เหตุใดถึงบินทำฝนหลวงในกรุงเทพฯไม่ได้
ไขข้อข้องใจ เหตุใดถึงบินทำฝนหลวงในกรุงเทพฯไม่ได้
ลองอ่านเรื่องนี้ดูกันค่ะ
ณ ห้องวอร์รูม กรมฝนหลวง ในวันต่อมา
การประชุมทางไกล หรือ VDO conference ก็ได้เริ่มขึ้น โดยนักวิชาการจากกลุ่มวิชาการ กองปฏิบัติการฝนหลวง ได้รายงานคุณภาพอากาศในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และการคาดการณ์สภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา
นักวิชาการ: จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ สถานีตรวจคุณภาพอากาศโดยรวมในกทม.เป็นสีแดง หมายถึง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน มีบางส่วนที่เป็นสีส้ม หมายถึง เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และกรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดหมายสภาพอากาศวันนี้ ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร มีโอกาสมีฝนบางส่วน ประมาณร้อยละ 10 % ของพื้นที่ ลมจะเป็นลมตะวันออกค่ะ
อธิบดี: งั้นแนวโน้มที่เราจะทำฝนให้กทม. วันนี้ก็เป็นไปได้สิ ต้องให้ขึ้นบินจากศูนย์ภาคตะวันออก งั้นขอเชิญศูนย์ภาคตะวันออก ช่วยรายงานการวิเคราะห์สภาพอากาศวันนี้หน่อย ขอเชิญครับ...
ผอ.ศูนย์ภาคตะวันออก: จากการตรวจวัดสภาพอากาศ ของสถานีเรดาร์สัตหีบ เช้านี้ ค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ในทุกระดับอยู่ในเกณฑ์ดี มีค่ามากกว่า 60% ค่าดัชนีการยกตัวของอากาศบ่งชี้ในลักษณะ สภาพอากาศสามารถพัฒนาในแนวตั้งได้เล็กน้อย ค่าโอกาสการเกิดฝน อยู่ในระดับปานกลาง จึงมีแผนขึ้นบินช่วงเวลา 10.30 น. ในขั้นตอนที่1 ก่อกวน ใช้เครื่องบินคาราแวน จำนวน 3 ลำ บรรทุกเกลือแป้ง จำนวน 2 ตัน โปรยบริเวณแนว อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไป อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ครับ
อธิบดี: โอเค รับทราบครับ ขอให้ประสบความสำเร็จและปลอดภัยทุกคนนะครับ...
หลังจากการขึ้นบินปฏิบัติการไปแล้ว ชาวนักล่าเมฆ ก็ลุ้นติดตามกันตลอดว่า เมฆจะก่อตัวและพัฒนาตัวไปเป็นเมฆฝน แล้วตกในกทม.ได้หรือไม่
ผ่านไป 1 ชม. เมฆเริ่มก่อตัวรวมตัวกันดีขึ้น และพัฒนาต่อเนื่อง ลอยไปตามทิศทางลม ที่พัดมาจากทิศตะวันออก นักล่าเมฆเริ่มดีใจ หวังว่าวันนี้คงจะได้เฮกัน
แต่แล้วในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ชม. กลุ่มเมฆเหล่านั้น ก็ดันตกเป็นฝนไปก่อนที่จะลอยเข้าไปในเขตกทม. เมฆเหล่านั้นตกเป็นฝน ลงไปบริเวณ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ และ อ.บางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา
พวกเราชาวนักล่าเมฆ ต่างรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่ยังบังคับให้ฝนตกในพื้นที่กทม.ไม่ได้
แต่อย่างน้อยก็ยังมีฝนตกลงไป ในบริเวณขอบๆกทม. ทำให้พื้นที่ดังกล่าว มีความชุ่มชื้นบ้าง อากาศมีการหมุนเวียนได้บ้าง แต่พวกเราต้องมาถอดบทเรียน เพื่อจะเอาชนะ การทำงานที่ท้าทาย ในครั้งนี้ให้ได้
ณ ห้องวอร์รูมกรมฝนหลวง วันถัดมา
อธิบดี: ทางศูนย์ภาคตะวันออก เมื่อวานเงื่อนไขของสภาพอากาศก็ค่อนข้างเอื้อต่อการปฏิบัติ แล้วทำไมฝนไม่ตกในกทม. เราวางแผนผิดรึเปล่า???
ผอ.ศูนย์ภาคตะวันออก: ท่านอธิบดีครับ พวกผมก็เต็มที่แล้วนะครับ แต่การทำฝนให้กทม. มีข้อจำกัดมากครับ เราต้องบินห่างจากสนามบินนานาชาติ ซึ่งมีอยู่ถึง 2 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ และดอนเมือง อย่างน้อย 60 ไมล์ครับ ซึ่งเป็นเงื่อนไขทางการบินสากลครับ เพราะฉะนั้นเราก็ทำได้แค่ขั้นตอนก่อเมฆเท่านั้น ในระยะที่ห่างจากสนามบิน 60 ไมล์ครับ แล้วปล่อยให้เมฆไหลเข้าไปในกทม. ให้เกิดการพัฒนาตัวไปตามธรรมชาติเท่านั้นครับ ตามเข้าไปเลี้ยงให้อ้วนก็ไม่ได้ ตามไปโจมตี ก็ไม่ได้ครับ
อธิบดี: ผมเข้าใจ แต่ขืนเป็นแบบนี้ โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จน้อยมาก กลัวเมฆที่เราก่อ จะตกก่อนถึงกทม. ตลอด คนที่เค้ารอความหวังอยู่ ก็อาจจะไม่เข้าใจ และอาจจะมองว่าเราทำงานผิดพลาดก็ได้ พี่ๆนักบินลองช่วยประสานกับหอบังคับการบิน ว่าจะขออนุญาตให้เราบินใกล้ สนามบินมากกว่านี้ได้มั้ยครับ...
พี่นักบิน: รับทราบครับ จะรีบประสานดูครับ
การทำฝนในต่างจังหวัดเราสามารถทำได้ครบทั้ง 3 ขั้นตอน ตั้งแต่ ก่อกวนหรือก่อเมฆ เลี้ยงให้อ้วน โจมตี แต่ในกทม. เราทำได้แค่เพียงขั้นตอนเดียวคือก่อเมฆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเราก็ไม่เคยทำมาก่อน เพราะในอดีตปัญหาเรื่องฝุ่นละอองในอากาศยังไม่รุนแรงแบบนี้ แต่ภายใต้ความคาดหวัง ของพี่น้องประชาชนเราก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด
พวกพี่ๆก็คาดหวังเราอยู่ใช่มั้ยครับ ผมก็เลยอยากจะให้พวกพี่ๆ มาลุ้นกันต่อไปนะครับ ว่าพี่นักบินของเรา จะประสานขออนุญาตบินเข้ามาใกล้กทม. ได้มากขึ้นหรือไม่ แล้วพวกเรานักล่าเมฆจะประสบความสำเร็จ ในการช่วยเหลือชาวกทม. ในครั้งนี้ได้หรือไม่ และจะมีปัญหาอุปสรรคอะไร ตามมาอีกหรือไม่ มาส่งกำลังใจช่วยกันหน่อยนะครับ...
#วันนี้ย่อมเป็นครูให้วันถัดไป
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
#โควิด19พวกเราต้องรอด
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"
.
หากใครไม่เข้าใจ ลองอ่านของเมื่อวานก่อนนะคะ เผื่อจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นค่ะ ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
.
https://www.facebook.com/339699852801366/posts/2564322903672372/