เปลี่ยนการแสดงผล
ย้อนไปวันที่ 24 กันยายน 2562 (ตอนที่ 4)
20 เมษายน 2563 435 ครั้ง

ย้อนไปวันที่ 24 กันยายน 2562 (ตอนที่ 4)
.
ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์เครื่องบินฝนหลวงตกในครั้งนั้น เป็นชาวบ้านที่ทำไร่พริก บนเนินเขาแถบนั้น แต่อยู่คนละฟากกับพื้นที่ ที่เครื่องบินตก โดยทางด้านพื้นที่เครื่องบินตกนั้น เป็นหน้าผาของพื้นที่ทำไร่พริก ได้เล่าให้ฟังว่า...

ชาวบ้าน: ภรรยาผมสั่งให้ออกมาดูไร่พริก เพราะเมื่อคืนฝนตกหนักมาก กลัวพริกเสียหาย ตอนที่มา หมอกก็ยังไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ยิ่งสายหมอกยิ่งลงหนักมากเลย มากจนมองต้นพริกได้แค่ระยะไม่เกิน 2-3 เมตร ผมเองก็แปลกใจจริงๆไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน และสักครู่ก็ได้ยินเสียงเครื่องบิน บินตรงมาทางที่ผมยืนอยู่ บินระดับต่ำมากๆ ตอนนั้นคิดว่า ผมคงจะโดนชนแน่ๆ ยืนขาสั่นไปหมดก้าวขาไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกเลย หรือถ้าเครื่องบินไม่ชนผม ก็จะต้องชนชะง้อนผาที่เป็นแท่งหิน ตั้งตระหง่านอยู่ตรงด้านโน้นของไร่พริกนี้แน่นอน พอเครื่องบินผ่านผมไปไม่เกินนาที ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าผ่า มาจากทางด้านหน้าผาของเขาลูกนี้ ก็คิดว่าเครื่องบินต้องตกแน่ๆ จึงรีบกลับไปบ้าน แล้วโทรบอกผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นผมยังตกใจ ตัวยังสั่นอยู่เลย ภรรยายังถามว่าไปตกใจอะไรมา ผมก็ไม่กล้าเข้าไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวคนเดียว

ทางทีมงานของพวกเรา ซึ่งประกอบด้วยครูการบินท่านอื่นๆ และช่างอากาศยาน ก็พิจารณาโดยรอบพื้นที่อย่างละเอียด ทั้งจุดเกิดเหตุ สภาพตัวเครื่องบิน สภาพพื้นที่โดยรอบ แล้วขึ้นไปบนไร่พริกของผู้เห็นเหตุการณ์ ด้วยสภาพถนนที่ขึ้นค่อนข้างลำบากมากๆ ด้วยรถยนต์โฟร์วีล ปกติชาวบ้านจะขึ้นไป ด้วยมอเตอร์ไซด์ เพราะทางค่อนข้างชัน และไม่เรียบ มีหินก้อนใหญ่ๆ เรียงระเกะระกะพอควร และหลังจากฟังผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ท่านนั้นแล้ว

จึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่า บริเวณที่ปลูกพริกเป็นพื้นที่เนินเขาที่ค่อนข้างสูง สูงกว่า 50 เมตร และมีชะง้อนหินเป็นแท่งในบริเวณนั้นตั้งสูงตระหง่านอยู่ จึงคาดว่าครูน้อยและลูกศิษย์บินมาประชิดแท่งหินนั้น ด้วยทัศวิสัยที่ไม่ดี หมอกลงจัด จึงหักหลบด้วยระยะกระชั้นชิด และด้วยความรวดเร็วทำให้เครื่องเสียการทรงตัว จนทำให้กำลังของเครื่องยนต์ตกลง ซึ่งทางการบินจะเรียกว่าอาการ stall ของเครื่องยนต์ อาการดังกล่าวจะทำให้เครื่องบินหัวทิ่มลง ถ้าเพิ่มกำลังให้เครื่องยนต์ไม่ทันจะทำให้เครื่องบินตกได้

แต่ครูน้อย น่าจะพยายามบังคับให้เครื่องร่อนลงให้ได้ด้วยความปลอดภัย แต่ด้วยระยะความสูงต่ำเกินกว่า ที่จะควบคุมให้ร่อนลง อย่างปลอดภัยได้ เครื่องบินจึงตกลง หัวปักลงดินในมุมเอียงประมาณ 45 องศา ซึ่งถ้ามีระยะความสูงมากกว่านี้ การบังคับแก้ไขเพิ่มกำลังให้เครื่องเชิดหัวขึ้น แล้วร่อนลงขนานกับพื้นดินได้ ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพี่น้องครอบครัวฝนหลวงในครั้งนี้

การฝึกบินในครั้งนี้ เป็นการฝึกตามแผนที่กำหนด โดยเปิดแผนการบินไปในทิศทางไทรโยค ที่ต้องหลีกเลี่ยงเส้นทาง ที่มีผู้อื่นใช้เส้นทางในอากาศอยู่ และบริเวณที่เครื่องบินตก ก็อยู่ในรัศมีการบินที่กำหนด ไม่ได้ออกนอกเส้นทางอย่างที่บางท่านเข้าใจ สภาพเครื่องก่อนทำการบิน ก็มีการตรวจเช็คสภาพอย่างดี ก่อนขึ้นบินตามคู่มือโรงงานผู้ผลิตกำหนด ถึงแม้อายุของเครื่องบินจะค่อนข้างมากกว่า 20 ปี แต่ระบบการซ่อมบำรุงเรา ก็ดำเนินการตามมาตรฐานคู่มือโรงงานผู้ผลิตอย่างเข้มงวด ระบบต่างๆยังถือว่าใช้งานได้ดีเมื่อเทียบเคียงกับเครื่องรุ่นเดียวกัน

ข้อมูลที่เล่าจากเรื่องจริงนี้ คงจะทำให้บางคนหมดความเคลือบแคลงใจได้แล้วนะครับ และจะต้องเข้าใจว่าใครๆก็รักชีวิตของตนเอง และคงไม่มีใครต้องการให้เกิดการสูญเสียอย่างแน่นอน

เรื่องการบำเพ็ญกุศลแก่ผู้วายชนม์นั้น ศพครูน้อยจะจัดที่วัดโสมนัสวรวิหาร ระหว่างวันที่ 25 -29 กันยายน 2562 โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงในวันที่ 29 กันยายน 2562 เวลา 17.00 น. ณ เมรุวัดโสมนัสวรวิหาร ส่วนศพน้องซันนี่ จะมีพิธีทางคริสต์ศาสนาในวันที่ 26 กันยายน 2562 ณ คริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์ และจะนำร่างไปฝังยังสุสานคริสตจักรสะพานเหลือง อ.บ้านนา จ.นครนายก ในวันที่ 27 กันยายน 2562

ระหว่างพิธีรดน้ำศพครูน้อยเปรียบเสมือนพี่ชายอันเป็นที่รักคนหนึ่ง ของครอบครัวฝนหลวง ที่จากไปอย่างกระทัน ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของตนเองจนวาระสุดท้าย เป็นไปด้วยความเศร้าโศกอย่างมาก

แต่หลังจาก ที่ได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังมาจัดทำพิธีน้ำหลวงอาบศพ โดยมีธงชาติคลุมร่างผู้วายชนม์อยู่ ก็ทำให้ทั้งครอบครัวผู้วายชนม์และชาวครอบครัวฝนหลวง เปลี่ยนจากความเศร้าโศกเสียใจ เป็นความภาคภูมิใจแทนในทันที

และยิ่งไปกว่านั้น พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 ของปวงชนชาวไทย ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้า รับทั้งสองศพ ไว้ในพระบรรมราชานุเคราะห์ตลอดทั้งงาน

และยังทรงพระเมตตา พระราชทานกระเช้าของขวัญให้เป็นกำลังใจ แก่ทั้งสองครอบครัว และมีพระราชกระแสทรงชมเชย แก่ผู้วายชนม์ทั้งสอง ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละเพื่อประเทศชาติ ยังความปลาบปลื้ม และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้ แก่ครอบครัวผู้วายชนม์

ตลอดจนเป็นขวัญกำลังใจ แก่พวกเราครอบครัวฝนหลวงเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการพระราชดำริฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องปวงชนชาวไทย ให้สืบเนื่องต่อไปตราบนานเท่านาน อย่างเต็มกำลังความสามารถ ดั่งพระราชปนิธานของพระองค์ท่าน

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน...
#เปลี่ยนความเศร้าโศกให้เป็นความภาคภูมิใจ
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
#โควิด19พวกเราต้องรอด
.
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"
.
อ่านเรื่องย้อนหลังได้ที่
ตอนที่ 1 : https://www.facebook.com/Rainmaking.royal/posts/2577645099006819
ตอนที่ 2 : https://www.facebook.com/Rainmaking.royal/posts/2579933202111342
ตอนที่ 3 : https://www.facebook.com/Rainmaking.royal/posts/2582134331891229

ภาพและวีดีโอ