สบายกันดีมั้ยฮิ การทักทายแบบนี้ต้องเป็นคนระยองแน่ๆ เพราะเคยได้ยินว่า คนระยองฮิสั้น คนเมืองจันท์ฮิยาว คนตราดฮิใหญ่

งั้นวันนี้เราไปท่องแดนภาคตะวันออกกันดีกว่าครับ

พวกเราจะนึกถึงอะไรกันบ้างกับภาคตะวันออกครับ ส่วนผมจะนึกถึง ทุเรียน ราชาแห่งผลไม้ มังคุด ราชินีแห่งผลไม้ เงาะ ลำใย กล้วยไข่ มะม่วงน้ำดอกไม้ และผลไม้อื่นๆอีกมากมาย ล้วนแต่ของโปรด แถมอาหารทะเลสดๆ พูดแล้วหลายคนคงน้ำลายไหล... ยิ่งหน้านี้ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ก็มา สาวๆอย่าลืม ออกกำลังกายกันเพิ่มขึ้นนะครับ ไม่งั้นคงต้องไปแก้ เอวกระโปรง หรือกางเกงเป็นแน่แท้

ของดีภาคตะวันออกไม่ใช่มีแค่ผลไม้ อาหารทะเลสดๆที่บอกนะครับ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางทะเล และภูเขาอันสวยงามมากมาย แถมยังมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กระจายอยู่ในหลายจังหวัด ที่ทำรายได้ให้กับประเทศปีละ หลายพัน หลายหมื่นล้านบาท 

เพราะความได้เปรียบของภาคตะวันออก ที่มีทั้งสนามบินและท่าเทียบเรือ รัฐบาลจึงต้องการขยายเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้มากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยในช่วงแรกเลือก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เป็นโครงการนำร่อง การจัดสรรน้ำให้เพียงพอจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ได้พัฒนาทั้งแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก แถมยังมีการสร้างระบบเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อผันน้ำจากลุ่มหนึ่งไปอีกลุ่มหนึ่ง แต่ยังคงมีข่าวปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอทุกปี ทุกภาคส่วนรวมถึงกรมชลประทานเอง มีการร้องขอให้กรมฝนหลวง ช่วยทำฝนเติมน้ำให้เขื่อนต่างๆทุกปี

การทำฝนหลวงก็มีข้อจำกัด ไม่สามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปี เพราะการทำฝนหลวงต้องอาศัยสภาพอากาศธรรมชาติ เป็นตัวตั้งที่ดีจึงไม่ใช่เป็นวิธีการแก้ปัญหาระยะยาวในเรื่องการขาดแคลนน้ำ

ในปีนี้ ปี 2563 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตขาดแคลนน้ำ บางครั้งมีข่าวว่าเกษตรกรถึงขนาดต้องไปซื้อน้ำมารดต้นไม้ เพื่อลดการเสียหาย น่าสงสารเกษตรกรบ้านผมมั้ยฮิ

ทีมทำฝนที่จ.ระยอง ได้ปรับแผนการทำฝนเร็วขึ้นกว่าทุกปี มาเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 โดย ตั้งหน่วยที่จ.ระยอง ในช่วงแรกเพื่อเร่งระดมเติมน้ำให้กับเขื่อน อ่างเก็บน้ำต่างๆ นำทีมโดยผอ.วีระพล สุดชาฎา หนุ่มที่มากไปด้วยรอยยิ้ม และมีนักวิชาการหนุ่ม-สาว ค่อนข้างเจ้าเนื้อ นายปริญญา อินทรเจริญ นายปทาธิป มีแสงเงิน และนางสาวอรุณโรจน์ ศรีเจริญโชติ และทีมนักบินล่าเมฆที่รักสงบ ประเภทไม่ถามไม่พูด ได้แต่ยิ้ม เลยไม่กล้าไปจีบสาวๆ ทำแต่งาน ประกอบด้วย พ.ท.โกศล จันทร์ศิริ พ.ต. โยธิน มาสำราญ พ.ท. วินัย ฉลองกลาง นายศิระ ตุงคะเตชะ นายภาคิน ถิรปาลวัฒน์ นายครองสิน สมบุญวงค์ 

หน่วยนี้ขึ้นบินไปแล้ว 56 วัน จำนวน 265 เที่ยวบิน เห็นมั้ยครับว่าขยันทำแต่งานกันจริงๆ ขยันบินมากกว่าสายการบินแอร์เอเซีย จากสนามบินอู่ตะเภาไปเชียงใหม่เสียอีก สามารถเติมน้ำให้เขื่อนต่างๆในภาคตะวันออกไปแล้ว 5.09 ล้านลูกบาศก์เมตร และช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในหลายจังหวัด ตลอดจนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่าไม้ ในพื้นที่โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ (ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด) เพื่อให้สัตว์ป่ามีน้ำกิน และมีพืชอาหารสัตว์ เพื่อน้องๆช้างจะได้ไม่ออกมารบกวนพวกพี่ๆพื้นที่รอบๆป่า แต่พื้นที่รอบป่าไม่ใช่พื้นที่บุกรุกใช่มั้ยฮิ...

แม้จะขยันบินกันขนาดนี้ ทำฝนตกไปได้มากมายขนาดนี้ แต่ได้ข่าวว่าน้ำก็ยังไม่เพียง พวกเราเป็นเพียงคนจัดการน้ำบนฟ้า มาสู่น้ำบนดิน ทำให้ฟรีทำให้ทุกพื้นที่ ทำให้ทุกภาคส่วน ไม่เลือกปฏิบัติตามพระราชปนิธาณของพ่อหลวงร.9 

ส่วนใครที่เป็นคนจัดการน้ำบนดิน ต่อจากน้ำบนฟ้า ต้องไปจัดสรร ให้เหมาะสม และเป็นธรรมสำหรับคนบนดินเหล่านั้นต่อไป จะได้ไม่มีความขัดแย้ง และแก้ไขปัญหาระยะยาวให้ได้ต่อไป...

#ปราศจากผลประโยชน์การแบ่งปันมักเป็นธรรม #SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
#โควิด19พวกเราต้องรอด
.
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"