#กษัตริย์ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่
เหนือบัลลังก์ราชัน ใต้ไตรรงค์ธงไทย โลกระบือลือไกล
กษัตราผู้เปี่ยมน้ำพระทัย ผู้ครองแผ่นดินนี้
พระทรงคอยปัดเป่า ทุกข์และความกังวล หลอมรวมใจปวงชน
ประหนึ่งดังพระนามภูมิพล มหาราชเกริกไกร
โลกต่างชื่นชมพระบารมี ล้ำศักดิ์เลิศศรีไปยังแดนไกล
สูงส่งทัดเทียมเทพไท สดุดีไว้ หนึ่งเดียวนี้
King of Kings
  ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นของในหลวงร.9 ในการปัดเป่า ความทุกข์และความเดือดร้อนของประชาชน โครงการพระราชดำริฝนหลวงจึงกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2498 เป็นต้นมา ทรงค้นคว้าทดลอง และนำมาปฏิบัติจริงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งของพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา โดยทรงบัญญัติคำให้ง่ายต่อความเข้าใจและการสื่อสารเป็น 3 ขั้นตอนคือ ก่อกวน เลี้ยงให้อ้วน และโจมตี และโปรดเกล้าให้เรียกเทคนิคการโจมตีแบบแซนด์วิช (sandwich) และทรงมีพระราชกระแสว่าการพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุดต้องพัฒนาให้ก้าวหน้าสืบไป จึงได้นำน้ำแข็งเข้ามาใช้ในการดึงฐานเมฆต่ำลง และชักนำให้ฝนตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลได้แม่นยำยิ่งขึ้น จนกระทั่ง ปี 2542 ที่เกิดวิกฤตปัญหาแล้งขึ้น พระองค์ได้โปรดเกล้าฯให้จัดตั้งคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษกู้ภัยแล้งขึ้น ณ ฐานปฏิบัติการสนามบินนครสวรรค์ และสนามบินพิษณุโลก เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ภาคกลางตอนบนและพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง การปฏิบัติการครั้งนี้ได้มีการพัฒนาเทคนิคการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มเติมในการทำฝนเมฆเย็น และการโจมตีเมฆอุ่นและเมฆเย็นในขณะเดียวกันเพื่อให้ได้ปริมาณฝนมากยิ่งขึ้น และโปรดเกล้าฯให้เรียกเทคนิคที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ว่า เทคนิคโจมตีแบบ ซุปเปอร์แซนด์วิช (super sandwich) และทรงประดิษฐ์เป็นภาพการ์ตูนด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่ออธิบายการปฏิบัติฝนหลวงใน 6 ขั้นตอนลงบน 1 หน้ากระดาษ และทรงพระราชทานเป็นตำราฝนหลวงให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน การคิดค้นตำราฝนหลวงพระราชทานถือเป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อประโยชน์ของชาวไทย พระองค์ทรงให้จดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อ การดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝน ทรงลงพระปรมาภิไธยในแบบฟอร์มคำขอจดสิทธิบัตร เมื่อวันทึ่ 15 สิงหาคม 2542 ในฐานะทรงเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้น เสนอต่อสำนักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย และทรงมีพระบรมราชานุญาตและโปรดเกล้าฯให้ขอรับ สิทธิบัตรในต่างประเทศควบคู่ไปด้วย ซึ่งได้รับสิทธิบัตรจากสำนักสิทธิบัตรยุโรป เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2548 และจากสำนักงานสิทธิบัตรแห่งเขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2549 ภายใต้ชื่อ Weather Modification by Royal Rainmaking Technologyเทคโนโลยีฝนหลวงได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิทยาศาสตร์ องค์กรและสถาบันที่มีกิจกรรมการดัดแปรสภาพอากาศ วิทยาศาสตร์บรรยากาศ และอุตุนิยมวิทยาทั้งในระดับนานาชาติ และระดับโลกเช่น องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก(WMO) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) และได้รับการทูลเกล้า ถวายรางวัล และประกาศเกียรติคุณจากองค์กรดังกล่าว ในปี 2544 ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้นำผลงานประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีฝนหลวง(The Royal Rainmaking Technology) ไปร่วมจัดแสดงในงานนิทรรศการ Brussels Eureka 2001:50th Anniversary of The World Exhibition of Innovation Research and New Technology ณ กรุงบรัสเซลล์ ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม และได้รับการทูลเกล้าฯถวายรางวัลยอดเยี่ยมอันเป็นเลิศ เป็นนวัตกรรมใหม่ แนวคิดใหม่ และทฤษฎีใหม่ อันมีคุณประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ และไม่มีผู้ใดประดิษฐ์คิดค้นมาก่อน สำหรับประเทศไทย พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐบาลเข้าเฝ้าฯถวายสิทธิบัตรฝนหลวง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2548 และทรงมีพระราชกระแสความว่า "สิทธิบัตรนี้ เราคิดเอง คนไทยทำเอง เป็นของคนไทย มิใช่เพื่อพระเจ้าอยู่หัว ทำฝนนี้ทำฝนสำหรับชาวบ้าน สำหรับประชาชน ไม่ใช่ทำสำหรับพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวอยากได้น้ำ ก็ไปเปิดก๊อกเอาน้ำมาใช้ อยากได้น้ำสำหรับการเพาะปลูกก็ไปสูบน้ำจากคลองชลประทานได้ แต่ชาวบ้านชาวนาที่ไม่มีโอกาสมีน้ำสำหรับเกษตรก็ต้องอาศัยฝน ฝนไม่มีก็ต้องอาศัยฝนหลวง" ต่อมาในปี 2555 ในหลวงร.9 ไม่มีพระราชประสงค์ในการรักษาสิทธิในสิทธิบัตรฝนหลวง และได้พระราชทานให้เป็นสาธารณะเพื่อประโยชน์ต่อมนุษยชาติโดยรวมสืบมา
  นับได้ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์เดียวในโลกที่ได้รับการออกสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย จากสำนักสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศ แต่ทรงพระราชทานให้เป็นสาธารณะเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ อันเปี่ยมด้วยพระเมตตาและน้ำพระราชหฤทัยของKing of Kings ที่มีต่อมนุษยชาติทั้งโลกที่ประสบปัญหาทุกข์ยากและเดือดร้อนจากมหันตภัยแล้งโดยถ้วนหน้า
ขอขอบคุณวิดีโอบางส่วนจาก bank's radio channel
#การให้ที่ไม่มีเงื่อนไขเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
#โควิด19พวกเราต้องรอด
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"