#เพชรแท้ตอนที่1
  "กระผมอุทิศชีวิตที่เหลือ จะช่วยทำงานกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตรและเจ้าหน้าที่ทุกท่านอย่างเต็มความสามารถจนกว่าชีวิตจะหาไม่" จากคำพูดที่ออกจากปากของลุงสละวัย 72 ปี ซึ่งถือว่าเป็นวัยที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมามากมาย หากเปรียบลุงกินเกลือกับเด็กกินข้าวนับว่าปริมาณเกลือที่ลุงกินเข้าไปมากกว่าปริมาณข้าวที่เด็กกินเข้าไปเสียอีก เรียกได้ว่ามากประสบการณ์ชีวิตจริงๆ
พอพวกเราได้ยินคำพูดของลุงเช่นนั้นแล้ว ทำให้พวกเราชาวฝนหลวงรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาทีเดียว ลุงสละเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวพวกเราที่คอยเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างพวกเราชาวฝนหลวงเสมอมา
ลุงสละหรือนายสละ นิรากรณ์ อาสาสมัครฝนหลวง จ.สระบุรี ได้รับการคัดเลือกเป็นอาสาสมัครฝนดีเด่นระดับประเทศคนแรกของกรมฝนหลวงฯ การประกวดอาสาสมัครฝนหลวงดีเด่นเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2560 ด้วยเหตุผลที่ว่า กรมฝนหลวงฯได้มีการพัฒนาอาสาสมัครฝนหลวงมาระยะเวลาหนึ่ง เราต้องการติดตามความก้าวหน้า ความร่วมมือ ของพี่น้องอาสาสมัครฝนหลวงเป็นอย่างไรกันบ้าง และต้องการสร้างขวัญและกำลังใจแก่พี่น้องอาสาสมัครฝนหลวงที่เป็นจิตอาสาช่วยงานพระบิดาแห่งฝนหลวง รางวัลที่ได้รับไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากมาย แต่เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มีจิตอาสาในการช่วยงานฝนหลวงอย่างแท้จริง ทางกรมได้มอบประกาศนียบัตร ปีกฝนหลวงพิเศษ และเสื้อแจ็คเก็ตอาสาสมัครฝนหลวงดีเด่นระดับประเทศ มาฟังเหตุผลที่ลุงสละได้รับการคัดเลือกกันครับ ลุงสละเล่าให้ฟังว่าเดิมมีอาชีพทำการเพาะปลูกข้าวโพดตามแนวเขา แรกๆฝนก็ตกต้องตามฤดูกาลดี ต่อมาป่าไม้ถูกทำลายมากขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์เอง ทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล 
  จนกระทั่งในปี 2520 ได้ยินข่าวจากทางราชการว่ามีโครงการทำฝนเทียม(ปัจจุบันเรียกว่าฝนหลวง) และสามารถร้องขอฝนได้ผ่านทางเกษตรและสหกรณ์จังหวัด พวกชาวไร่อย่างพวกตนจะร้องขอให้ช่วยทำฝนในช่วงฝนทิ้งช่วงประมาณเดือนมิถุนายนของทุกปี เวลาเห็นเครื่องบินบินผ่านทีไรจะดีใจมาก และพอช่วงเย็นๆก็จะมีฝนตกลงมาจะดีใจกันมากและต่างพูดกันว่าในหลวงช่วยทำฝนเทียมให้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
  ต่อมาในปี 2557ได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมเป็นอาสาสมัครฝนหลวง และได้เข้ารับการอบรมโครงการจิตอาสาช่วยพระบิดาปฏิบัติกการฝนหลวงรุ่นที่ 2 และเข้ารับการอบรมเป็นครูอาสาในเวลาต่อมาเพื่อสามารถที่จะช่วยขยายเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงได้ในเบื้องต้น
ลุงสละเล่าต่อว่าลุงมีเชื่อมั่นในทีมงานฝนหลวงที่ช่วยทำฝนให้ทุกปีและยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากขอมาศึกษาวิธีการทำฝนที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงลพบุรี ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง โดยขอศึกษาในทุกขั้นตอนพร้อมกับขึ้นไปช่วยโปรยสารฝนหลวงด้วย ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเมฆจนตกเป็นฝนด้วยการลงมือร่วมทำฝนในครั้งนั้นด้วยตนเอง หลังจากนั้นลุงสละได้เฟ้นหาคนที่จะส่งเข้าอบรมอาสาสมัครฝนหลวง โดยลุงสละจะพิจารณาสังเกตพฤติกรรมของบุคคลที่จะส่งมาอบรมเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ว่ามีจิตอาสาในการช่วยงานส่วนรวมจริงจังขนาดไหน เนื่องจากลุงสละมีแนวคิดว่าถ้าได้รับการอบรมไปแล้วแต่ไม่ได้ใช้ความรู้จากการอบรมมาช่วยกันทำงานก็ไม่สมควรได้รับการคัดเลือกเข้าไปอบรม นับว่าลุงสละได้ช่วยคัดคนดีคนที่มีจิตสาธารณะจริงๆ ซึ่งจะทำให้การทำงานด้านอาสาสมัครฝนหลวงมีความเข้มแข็งและยั่งยืนตลอดไป สิ่งที่น่าทึ่งและน่าเอาอย่างลุงสละอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การจดบันทึกปริมาณฝนทุกวันมาเป็นเวลายาวนานหลายปี เพื่อใช้ประกอบการวางแผนการเพาะปลูกของลุงสละและเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน โดยลุงสละเล่าให้ฟังว่าจะต้องรู้ว่าช่วงเวลาไหนที่ฝนตกมีปริมาณมากพอต่อการเพาะปลูก แล้วจึงขอให้กรมฝนหลวงฯช่วยทำฝนเสริมในช่วงที่ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ไม่ใช่รอฝนจากฝนหลวงเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้ผลผลิตได้ตามต้องการ
  ฟังแล้วน่าทึ่งมั้ยครับลุงสละวัย 72 ปีเป็นแค่เพียงเกษตรกรที่ไม่ได้จบการศึกษาสูงๆ แต่รู้จักนำสถิติข้อมูลน้ำฝนที่จดด้วยตนเองมาวิเคราะห์ความน่าจะเป็นตามแนวคิดของตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหายต่อผลผลิตของตนเอง นับว่าเป็นบุคคลที่เข้าใจธรรมชาติและยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นเพชรแท้ในวงการเกษตรของไทยเลยทีเดียว
#จิตอาสามีแต่ทำบุญจิตทรามมีแต่ทำบาป
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด