เปลี่ยนการแสดงผล
#ชีวิตที่ขาดหาย
30 กรกฎาคม 2563 134 ครั้ง

#ชีวิตที่ขาดหาย
  ความเงียบสงัดเข้ามาเยือนในหัวใจอีกครั้งหลังจากไขกุญแจห้อง แล้วก้าวเท้าเข้าสู่ห้องเช่าสี่เหลี่ยม แคบๆ เล็กๆ ตามประสาของคนต่างจังหวัดที่พลัดหลงเข้ามาทำงานอาชีพรับราชการในกทม.
ทันใดนั้นก็เดินตรงดิ่งไปหาเพื่อนสนิททันที แต่เป็นเพื่อนที่คุยโต้ตอบเราไม่ได้ เราได้แต่มองหน้าและฟังเสียงจากเพื่อนสนิทหน้าตาสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้เท่านั้น
กิจกรรมเดิมๆก็เริ่มทันที...
อาบน้ำให้สดชื่นสิรออะไร...
แล้วมานั่งทานข้าวกล่องที่แวะซื้อหิ้วมา พร้อมกับนั่งเฝ้าดูเพื่อนสนิทที่มีรายการมาเสนอไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน แต่ชีวิตเรานั้นวนเวียนเหมือนเดิมเกือบทุกวัน
เอ้า!!!ได้เวลานอนอีกแล้วพรุ่งนี้ต้องรีบไปทำงานวนไป
เหรียญมักมีสองด้านเสมอ ชีวิตที่ต้องอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม แคบๆกับความเงียบสงัดในหัวใจจะมีเวลาเพียงไม่เกิน 10 ชม.ต่อวัน ส่วนเวลาที่เหลือของชีวิตจะอยู่ในห้องที่แคบน้อยกว่าห้องนอนก็คือห้องทำงานนั่นเอง
  ที่ทำงานอาจทำให้หัวใจเราไม่เงียบสงัดแต่อาจจะมีความวุ่นวาย ความกังวลใจ ความเหน็ดเหนื่อยมาแทนที่ถ้าเจอสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี หากโชคดีหน่อยได้เพื่อนร่วมงานที่ดี ผู้บังคับบัญชาที่ดี ก็จะทำให้ชีวิตมีความสดชื่นขึ้น เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน
แต่รู้มั้ยว่าตั้งแต่ฉันก้าวเข้ามาสู่ใต้ปีกฝนหลวง วันๆนึงฉันต้องก้มหน้าทำงานไม่ต่ำกว่า 8 ชม. แถมวันที่คนในหน่วยงานอื่นๆได้หยุดกันฉันก็ยังต้องมาก้มหน้าทำงานด้วยเหตุผลเรื่องนี้ก็ด่วน เรื่องนี้ก็เร่ง แต่คนทำงานที่หน่วยงานเรามีเพียงน้อยนิด ส่วนหนึ่งต้องจ้างน้องๆจ้างเหมามาช่วยทำงาน น้องๆพวกนี้ก็ไม่กล้าบ่นว่างานที่นี่ช่างหนักหนากว่าที่อื่นๆที่เคยทำมา และยินดีมาช่วยกันทำงานในวันหยุดช่วงที่งานเราด่วนมากๆ
จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นที่เล่ามานั้นไม่ได้เกิดแค่เพียงกับตัวฉันนะ เพื่อนๆต่างกองก็เป็นเหมือนกัน ไปแอบดูเพื่อนที่อยู่งานการเงินการคลัง งานพัสดุ งานกองแผนงาน งานวิเทศน์สัมพันธ์ งานประชาสัมพันธ์ และอีกหลายๆหน่วยในกรมนี้แต่ละคนก็มีแต่นั่งก้มหน้าทำงาน
ยิ่งเพื่อนๆที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ตามหน่วยทำฝนบอกว่าต้องออกหน่วยทำฝนเป็นเวลา 8 เดือนเต็มไม่มีวันหยุด คนที่แต่งงานแล้วต้องให้แฟนไปหาแทน นักวิทยาศาสตร์หญิงบางคนบ่นว่าเราจะมีโอกาสจะได้เป็นแม่คนมั้ยแต่งงานแล้วต้องแยกกันอยู่แบบนี้เป็นเวลายาวนาน ฟังแล้วน่าเห็นใจจริงๆเลย
  เมื่อวานได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่คนหนึ่งที่อยู่กองแผนงาน แกเล่าประสบการณ์ชีวิตในฝนหลวงให้ฟัง รู้สึกภาคภูมิใจไปกับแกมากเลย ที่ทุ่มเทกับการทำงานในฐานะเป็นกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จของพี่ๆที่อยู่ด่านหน้าในพื้นที่ที่คอยทำฝนให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน...
แต่แกก็เตือนว่าต้องแบ่งเวลาของชีวิตให้ดี...
  คำพูดที่ฝากให้คิดติดหูมาคือ "อย่าเพลินกับการทำงานเหมือนกับพี่ที่สนุกกับงานเป็นอย่างมาก วันๆเอาแต่ก้มหน้าทำงานเหมือนคนนั่งดูเมฆจนหลงใหลไปกับเมฆ"นั่งดูเมฆได้ทั้งวันจินตนาการไปเรื่อยเปื่อยเป็นรูปโน้นรูปนี้ จนมารู้สึกตัวอีกที เงยหน้าขึ้นมาก็เป็นรถไฟขบวนสุดท้ายเสียแล้ว ผู้หญิงจะต่างจากผู้ชาย วัยที่เหมาะสมของการมีลูกของผู้หญิงจะอยู่ในช่วงอายุ 20-34 ปี
  เวลาก็เหมือนสายน้ำที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถหวนกลับมาได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ค่อยๆผ่านไป หากเรามีสติ ดำรงตนให้มีความสุขไม่เดือดร้อนผู้อื่น และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้คลายทุกข์พร้อมรับความสุข แค่นี้เราก็คงสุขใจ คนเหล่านั้นจะเข้ามาอยู่ในใจเราแทนความเงียบสงัดที่เกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมา...
หรือว่าฉันเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังหลงไปกับเมฆเสียแล้ว?
เขียนโดย "หลงเมฆ"
#ชีวิตมีลบย่อมมีเพิ่มไม่ได้ขาดหายไปอย่างเดียว
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด

ภาพและวีดีโอ