เปลี่ยนการแสดงผล
#ความงดงามอันร้ายกาจ
15 สิงหาคม 2563 360 ครั้ง

#ความงดงามอันร้ายกาจ

“ปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอ  
เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก  
บ่งบอกความจริงที่ยิ่งใหญ่  
บ่งบอกว่าใจฉันยังคงมั่น  
พันปีหมื่นวันไม่เคยหน่าย  
ฟ้าดินสลายหัวใจมั่นรักเธอ” 

วันนี้มาด้วยเสียงเพลงรักแบบสบายๆ ให้ทุกท่านได้ผ่อนคลายอารมณ์ และวางความกังวลจากเรื่องเครียดๆ ลงสักพัก แล้วมาติดตามเรื่องน่ารักๆ กันสักหน่อย พูดถึงเพลง “ดอกกุหลาบแดง” ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักสุดคุ้นหู เคยสงสัยกันไหมเอ่ยว่า ทำไม ดอกกุหลาบ จึงเป็นดอกไม้แห่งความรักและความโรแมนติก

ตามตำนานกรีกเล่าว่า กุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ “คลอริส” บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ โดยมี “อโฟรไดท์” เป็นเทพประทานความงามให้
มีเทพอีกสามพระองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมณ์ ส่วน “ไดโอนเซียส” เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายได้เรียกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า “Rose” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก พร้อมทั้งความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง

อ่ะๆ อย่างเพิ่งหลงใหลไปกับความสวยของราชินีแห่งบุปผาชาตินี้ เพราะนี่เป็นเพียงแค่ภาพภายนอกที่เรามองเห็นเท่านั้น ภายใต้ความเร้นลับที่ซ่อนอยู่  ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความงดงามไว้เพื่อปกป้อง และขจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นด้านที่แอบแฝงไปด้วยความน่ากลัวมากมายภายใต้รูปลักษณ์ที่งดงามเหล่านั้น

อย่างเช่น “กุหลาบพันปี” มีดอกที่สวย รูปทรงเหมือนกระดิ่ง และจะงอกงามมากในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนลำต้นมีมอสเกาะคล้ายกับพืชที่มีอายุนับพันปี จึงนิยมเรียกว่า กุหลาบพันปี แต่ว่าใบของมันมีพิษร้าย เช่นเดียวกับน้ำหวานมีสารพิษ grayano ถ้าเผลอกินเข้าไป  อาจทำให้ริมฝีปาก ลำไส้และกระเพาะไหม้ได้ จากนั้นก็จะคลื่นไส้ อาเจียนและหัวใจเต้นเร็ว 

ธรรมชาติไม่ได้สร้างเพียงความงดงามอันน่าหลงใหลของดอกไม้ แต่ธรรมชาติยังสรรสร้างค์ดินแดนแห่งหนึ่ง ที่สวยงามดั่งสวรรค์ที่ถูกเนรมิตให้อยู่บนพื้นดิน เป็นดินแดนแห่ง The Land of Eternal Blue Sky ท้องฟ้าสีครามตัดกับทุ่งหญ้าสเต็ปป์สีเหลืองทอง อุดมสมบูรณ์และสวยงามด้วยธรรมชาติที่สงบเงียบ ภูมิทัศน์หลากหลาย เต็มไปด้วยแก่งและน้ำตก เทือกเขา ป่าสน ต้นไม้ เนินทรายสีทอง ทะเลสาบน้ำจืดบริสุทธิ์ใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชีย จึงไม่แปลกใจที่แห่งนี้จะเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วโลก 

ฉันใดฉันนั้น ดินแดนแห่งนี้ ไม่มีทางออกสู่ทะเล สภาพภูมิอากาศเป็นแบบทะเลทราย คือระหว่างวันและแต่ละฤดูกาล อุณหภูมิจะต่างกันสุดขั้ว อุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียสในขณะที่ อาจหนาวติดลบถึง -40 องศาเซลเซียส สภาพอากาศที่โหดร้าย ดังกล่าวท้าทายต่อการอยู่รอดของมนุษย์และสัตว์อย่างมาก ซึ่งภัยฤดูหนาวทำให้สัตว์เลี้ยงล้มตายจำนวนมาก อีกทั้งยังมักมีภัยธรรมชาติรุนแรง เช่น พายุฝุ่น ไฟไหม้ป่าและทุ่งหญ้า ความแห้งแล้งที่ฝนไม่ตกตามฤดูกาล รวมทั้งมีแหล่งน้ำจำกัด ทำให้ไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรและประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก

จักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นเจงกิสข่าน ผู้คิดกลยุทธ์การรบที่เด็ดขาดน่าพรั่นพรึง และมีหลักการปกครองที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างให้ดินแดนแห่งนี้ให้เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ครอบครองพื้นที่กว่าครึ่งโลก ยังไม่ทันได้คิดวิทยายุทธในการปราบภัยแล้งและต่อสู้กับภัยธรรมชาติ ทำให้บรรพชนรุ่นหลังหาทางต่อสู้และอยู่รอดจากภัยพิบัติดังกล่าว

มาถึงตอนนี้ พอจะรู้กันแล้วใช่มั้ยเอ่ยว่าที่นี่คือที่ไหน ลองตามกันมาดูอีกสักหน่อย...
วิธีการเพิ่มฝนของที่นี่ใช้การยิงจรวด (Rocket) ปืนใหญ่ (Artillery) และใช้ควันจากการเผาสารซิลเวอร์ไอโดไดด์จากภาคพื้นดิน (Ground based generator) แต่เทคนิคที่ใช้ในปัจจุบัน ยังจำเป็นต้องพัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้ยินความสำเร็จอันระบือลือก้องของการทำฝนในประเทศไทย ประธานาธิบดีของประเทศ ได้นำความกราบบังคมทูลสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอให้มีการจัดฝึกอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ด้านอุตุนิยมวิยา

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ ผู้ทรงตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ไปบนเส้นทางสายเดียวกับพระราชชนกชนนี ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ดำเนินการ โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ของดินแดนแห่งนี้ที่น่าเห็นใจยิ่งนัก โดยนำเทคนิคการทำฝนตามตำราพระราชทานไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเสริมกรรมวิธีการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการสร้างและโจมตีเมฆ ให้ตกเป็นฝนในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น

พระเมตตาและความใส่พระทัยในการให้ความช่วยเหลือและเน้นการพัฒนาของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ยังคงประจักษ์ชัดในความรู้สึกของชนเผ่าเหล่า “มองโกเลีย”  ดินแดนที่มีความหมายว่า สูง เย็น และแห้ง ที่จะกลายเป็นดินแดนอันชุ่มฉ่ำจากฝนแห่งน้ำพระราชหฤทัยอันยิ่งใหญ่ไพศาลด้วยตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบิดาแห่งฝนหลวงของปวงชนชาวไทย

เขียนโดย “รุ้งทอแสง”

#อย่างไว้ใจทางอย่าวางใจภัยธรรมชาติ
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด

 

 

ภาพและวีดีโอ