เปลี่ยนการแสดงผล
#ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล
17 สิงหาคม 2563 338 ครั้ง
#ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง"เงินถุงแดง" กันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนก็ยังอาจจะไม่เคยทราบมาก่อน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่...
"เงินถุงแดง"หรือ "เหรียญนก" เงินสกุลเม็กซิโกที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากันในยุคนั้น เป็นเงินที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสะสมไว้เป็นเงินส่วนพระองค์ จากเงินกำไรที่ได้มาจากสำเภาค้าส่วนพระองค์ ทรงใส่ถุงผ้าสีแดงเก็บไว้ข้างพระแท่นบรรทม จนหลายปีมีจำนวนมากถึงกับต้องสร้างเป็นห้องเก็บไว้
เงินที่เก็บไว้ที่แท่นบรรทมจะเรียกว่า"เงินข้างที่" เพื่อความสะดวกสำหรับทรงหยิบพระราชทานผู้ใดหรือใช้จ่ายการอันใดโดยลำพังพระองค์เอง โดยไม่ต้องบอกให้ผู้อื่นรู้ ส่วนเงินที่เอาตามเสด็จไปไหนๆว่า"เงินท้ายที่นั่ง" และเงินข้างที่มีจำนวนมากจนต้องสร้างห้องเก็บจะเรียกว่า"คลังข้างที่"
สำหรับสาเหตุที่ทรงใช้ถุงสีแดงใส่เงินนั้น อาจจะมาจากคติความเชื่อของชาวจีนที่ติดต่อค้าขายกับไทยมากในตอนนั้น ที่นิยมนำเงินใส่ซองสีแดงมอบให้ลูกหลานในเทศกาลหรืองานมงคล เพราะเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งความมงคลจะนำความมั่งคั่งร่ำรวยและความโชคดีมาให้
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ของ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ได้กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯได้รับสั่งกับข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้าขณะประชวรใกล้สวรรคตไว้ว่า 
“การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่า ก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่ควรจะเรียนเอาไว้ ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว"
ทั้งยังเล่ากันว่า มีรับสั่งถึงเงินถุงแดงเป็นลางไว้ว่า “เอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง” ซึ่งก็ได้ใช้ไถ่กันจริงๆในสมัยรัชกาลที่ ๕ 
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๖ ฝรั่งเศสได้นำเรือรบฝ่าการป้องกันที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าเข้ามาถึงกรุงเทพฯด้านใน ฝ่ายไทยได้ต่อสู้ขัดขวางอย่างเต็มที่ ทำให้บาดเจ็บล้มตายกันทั้งสองฝ่าย แต่ฝรั่งเศสผู้รุกรานยังกลับยื่นคำขาดเรียกค่าเสียหายจากไทยเป็นเงิน ๓ ล้านฟรังซ์ โดยต้องชำระเป็นเงินเหรียญภายใน ๔๘ ชั่วโมง มิฉะนั้นจะปิดอ่าวไทย และจะทำการยึดเป็นเมืองขึ้นในที่สุดอย่างแน่นอน
เหตุการณ์ครั้งนี้เงินถุงแดงของรัชกาลที่ 3 จึงถูกนำมาใช้สมทบกับเงินในท้องพระคลังและเงินจากพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ตลอดจนข้าราชบริพาร รวมกันเป็นจำนวน 4.5 ล้านฟรังซ์ มีน้ำหนักมากถึง 23 ตัน เพราะด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของรัชกาลที่ 3 และความร่วมแรงร่วมใจของชาวไทยในยุคนั้น ประเทศไทยจึงผ่านวิกฤติมาได้ด้วยดี
ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลสืบทอดจากรัชกาลสู่รัชกาล โครงการพระราชดำริฝนหลวงถือกำเนิดด้วยพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปี 2498 และเริ่มดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งตั้งแต่ปี 2514 เรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง
การทดลองค้นคว้าในช่วงแรกๆพระองค์ทรงใช้ทรัพย์สินส่วนพระองค์ในการดำเนินการ ต่อมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้สนับสนุนอากาศยานและงบประมาณเข้าร่วมในการปฏิบัติการฝนหลวง ตลอดจนพสกนิกรได้รวบรวมเงินเท่าที่กำลังจะทำได้  ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายร่วมกัน  บริจาคเงินจัดซื้อเครื่องบิน รวมทั้งองค์กรหรือสมาคมเอกชนได้ร่วมกันบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือสารทำฝน ขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายเพื่อโดยเสด็จและสนับสนุนกิจกรรมฝนหลวง 
เงินที่บริจาค พระบาทสมเด็จพระบรมชนากาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกับเงินที่ราษฎรบริจาคผ่านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดตั้งเป็น “กองทุนฝนหลวง” เพื่อนำไปใช้สำหรับกิจการฝนหลวงในกรณีที่ไม่สามารถเบิกจ่ายจากงบประมาณของภาครัฐได้หรือในกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน
อย่างไรก็ตามกองทุนนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของความจงรักภักดีของมวลพสกนิกรที่มีต่อพระองค์ท่านแสดงให้เห็นถึงความผูกพันของปวงชนชาวไทยที่มีต่อประมุขแห่งชาติอันเป็นที่รัก และเคารพยิ่งชีวิตของพวกเขา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงถือว่ากองทุนนี้เป็นสิริมงคล และจะต้องบริหารกองทุนนี้ด้วยความระมัดระวัง มิให้สูญหายหรือลดลงมีแต่ให้เพิ่มพูนคงอยู่สืบไปอย่างยั่งยืน โดยมีการกำหนดกฎระเบียบว่าด้วยกองทุนฝนหลวงอย่างชัดเจน และมีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ด้วยความระมัดระวังและโปร่งใส
และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็มาถึงในปี2558 ได้มีการใช้เงินกองทุนนี้จำนวน 7.5 ล้านบาท ในการจัดซื้อที่ดินจำนวน 3 ไร่ เพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก ตั้งอยู่บริเวณ เลขที่ 103/115 หมู่ที่ 3 ถนนบายพาส 332  ตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เนื่องจากกรมได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างอาคารศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก แต่ไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างในบริเวณสนามบินอู่ตะเภา และไม่สามารถเสนอของบประมาณในการจัดซื้อที่ดินได้ทัน มิฉะนั้นงบประมาณค่าก่อสร้างจะถูกพับไป
จึงนับได้ว่าด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลและพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนากาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ได้ทรงพระราชทานให้ก่อตั้งกองทุนฝนหลวง และได้ใช้ประโยชน์ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านทำให้กรมฝนหลวงฯผ่านพ้นวิกฤตปัญหาในครั้งนั้นได้อย่างสมบูรณ์...
จะเห็นว่าเพราะด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สามารถนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตเหตุการณ์ต่างๆมาครั้งครั้งเล่า สิ่งที่พวกเราควรตระหนักคือการรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย รู้รักสามัคคี รักษามรดกของชาติสืบไป...
ขอทุกพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"
#สะสมบุญได้ใช้บุญสะสมทรัพย์ได้ใช้ทรัพย์
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด

ภาพและวีดีโอ