...พลังแห่งความร่วมมือ...
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของพลัง พลังนั้นมีได้หลายความหมาย ไม่ว่าจะเป็นอำนาจประสิทธิภาพ ศักยภาพ หรือสมรรถนะ ก็ตาม ซึ่งโดยรวมๆ แล้วถ้าหากเรานำเอาพลัง มาใช้ในทางที่สร้างสรรค์แล้วล่ะก็ ย่อมเกิดผลดี หรือผลในทางบวกให้แก่ชีวิตของเราได้อย่างแน่นอน
ทุกๆคน รู้หรือไม่ว่า สิ่งของบางอย่างนั้นเมื่อเรารู้จัก หรือสัมผัสเพียงแค่ภายนอก เราอาจจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่บอบบางและไม่มีพลังใดๆ เลย แต่ทว่า สิ่งของบางอย่าง หากเรารู้ถึงประสิทธิภาพ ศักยภาพ หรือสมรรถนะ จริงๆของมันแล้ว มันอาจมีพลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่และทำในสิ่งที่เราอาจไม่คาดถึงได้เลย เช่น ไข่ไก่ หลายๆคนคงรู้กันดีว่าไข่ไก่นั้นคืออะไร และไข่ไก่เป็นสิ่งที่บอบบางแค่ไหน แต่หลายๆคน ก็อาจจะยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว เจ้าไข่ไก่นี่แหละ มีพลังซ่อนอยู่ในตัวของมันเองโดยที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน เพราะไข่ไก่มีแคลเซียมคาร์บอเนตหรือหินปูนเป็นองค์ประกอบหลักในเปลือกของมัน ทำให้มันมีความแข็งแรงตามธรรมชาติ อีกทั้งรูปทรงของไข่ที่มีลักษณะเป็นโดมหรือหลังคาโค้ง ความโค้งของเปลือกไข่นี่แหละ ที่ช่วยกระจายน้ำหนักของวัตถุที่กดลงมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยที่ไม่มีจุดใดจุดหนึ่งของเปลือกไข่ที่รับน้ำหนักของสิ่งที่กดทับโดยตรง ทำให้ไข่ 1 ฟองสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 12.5 กิโลกรัมเลยทีเดียว และลองคิดดูสิว่าถ้าเราใช้ไข่จำนวนหลายๆฟอง เจ้าไข่ที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่เปราะบางนี้ ก็จะสามารถให้คุณขึ้นไปยืนและรับน้ำหนักคุณได้ทั้งหมดเลย และสิ่งที่เกิดขึ้นนี่เองก็คือพลัง และเป็นพลังแห่งความร่วมมือ เพราะถ้าไข่เพียง 1 ฟอง ก็จะไม่สามารถรองรับน้ำหนักของคนหนึ่งคนได้ แต่ถ้าหากไข่ทั้งแผงล่ะ เป็นไปได้ว่ามันจะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน
ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงพลังแห่งความร่วมมือ และเป็นการร่วมมือในเรื่องของการทำงานนี่แหละ จะเห็นได้ว่าบริษัทหนึ่งทำไมถึงต้องมีหลากหลายแผนกใช่มั้ยคะ เพราะการที่จะได้มาซึ่งผลสำเร็จของงานนั้น มิใช่ว่าคนหนึ่งคนจะทำได้ซะทีเดียว แต่มันต้องเกิดจากความร่วมมือ ร่วมใจกัน หรือแม้กระทั่งในหน่วยงานราชการก็เช่นเดียวกัน การจะได้มาซึ่งผลสำเร็จของงานที่กรมนั้นๆ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ก็ต้องอาศัย ความรู้ความสามารถจากหลายด้านๆ นี่ก็เป็นที่มาว่าในกรมหนึ่งๆ นั้น ต้องมีตำแหน่งงานหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสนับสนุนหรือด้านที่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลักของกรม หรือกระทรวงนั้นๆ เหตุผลคือ เราจำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความสามารถจากผู้ที่เรียนมาในสายงานหลัก และอาศัยความรู้ความสามารถเรื่องอื่น ๆ ที่ช่วยสนับสนุนการทำงาน ให้ก้าวไปสู่ผลสำเร็จนั่นเอง ตัวอย่างเช่น นักวิชาการป่าไม้ ก็จะมีความรู้ความสามารถและมีข้อมูลเรื่องต้นไม้ต่าง ๆ เป็นอย่างดี โดยที่นักวิชาการป่าไม้ต้องทราบดีว่า ไม้หวงห้ามมีกี่ประเภท
หรือไม้หวงห้ามประเภท ก ประกอบได้ด้วยพันธุ์ไม้ใดบ้าง หรือชื่อวิทยาศาสตร์ของต้นพยูง เรียกว่า Dalbergia cochinchinensis เป็นต้น แต่ในอีกมุมมองนึง นักวิชาการพัสดุ ก็อาจไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องทั้งหมดนี่ก็ได้นะ แต่
นักวิชาการพัสดุก็จะมีความรู้ความสามารถในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อหาพันธุ์ไม้หวงห้ามต่าง ๆมาให้นักวิชาการป่าไม้ ได้นำมาเพาะชำกล้าไม้เหล่านั้น และนำไปใช้ประโยชน์ให้กับผืนป่าไทยได้อย่างลงตัว หรือในตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ ก็คือ บุคคลผู้ดำเนินงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อความก้าวหน้าทางความรู้ในสาขาวิชาที่ตนเองนั้นสนใจ นักวิทยาศาสตร์ก็จะมีความรู้ด้านคุณสมบัติของสารเคมีต่าง ๆ เป็นอย่างดี เช่น แคลเซียมคาร์ไบด์ แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมออกไซด์ ยูเรีย แอมโมเนียไนเตรด น้ำแข็งแห้ง ซึ่งสารที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็เป็นสารเคมีที่ใช้ทำฝนเทียมนั่นเอง นักวิทยาศาสตร์ก็จะสามารถจัดการกับสารเหล่านี้ให้เกิดเป็นน้ำฝนได้ โดยอาศัยองค์ความรู้และความร่วมมือต่าง ๆ จากบุคลากรอื่น ๆ อย่างเช่นนักบิน ซึ่งนักบินเองเค้าก็อาจไม่ต้องรู้ถึงโครงสร้างต่าง ๆ ของอะตอมหรือสสารเหล่านั้นโดยละเอียดก็ได้ แต่นักบินเนี่ยแหละ ที่จะพาสารเคมีเหล่านี้ ขึ้นไปบนท้องฟ้าและผ่านขั้นตอนกระบวนการ จนกลั่นออกมาเป็นน้ำฝน น้ำฝนที่ช่วยพลิกฟื้นผืนแผ่นดินที่แห้งแล้งของประเทศไทยในภาคต่าง ๆ ที่ขาดฝนตามธรรมชาติ และพลิกฟื้นชีวิต การประกอบอาชีพของราษฎร ให้กลับมาสู่ความเขียวขจีเป็นธรรมชาติที่สุดแสนจะสมบูรณ์ต่อไป คนหนึ่งคนอาจทำงานทั้งหมดนี่เพียงคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าหากพวกเรา ใช้พลังแห่งความร่วมมือ เพื่อร่วมมือร่วมใจกันในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนแล้วล่ะก็ ภารกิจที่สุดแสนจะหนักหนาสาหัสเพียงใด เราก็จะทำมันสำเร็จจนได้ ด้วยพลังแห่งความร่วมมือ นั่นเอง