เปลี่ยนการแสดงผล
แม่คือศูยน์กลางแห่งความรักและความศรัทรา
1 พฤษภาคม 2564 249 ครั้ง
พลังวิเศษ

สังคมไทยในอดีตนั้น ผู้คนมักอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ประกอบด้วย พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย พี่ป้าน้าอา เขยสะใภ้ ลูกและหลานอีกหลายคนอยู่รวมกันในบ้านหลังเดียว และในแต่ละบ้านก็จะมีพื้นที่หนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็น ‘โต๊ะวิเศษ’ ประจำบ้าน

เมื่อพูดถึงโต๊ะวิเศษ เชื่อว่าหลายท่านคงเคยผ่านตาโฆษณาทีวีชิ้นหนึ่งเริ่มต้นที่ว่า ‘พลังวิเศษ ที่เริ่มจากโต๊ะธรรมดาตัวหนึ่ง.. ที่คุณอาจหลงลืมมันไป….’ ตามด้วยการเล่าเรื่องภายในบ้านที่มีพื้นที่หนึ่งเปี่ยมไปด้วยความรักและเป็นจุดเริ่มต้นการฟูมฟักชีวิตของทุกคนในครอบครัวให้เติบโตขึ้นมา เป็นพื้นที่ที่คนในครอบครัวใช้เวลาร่วมกันในการรับประทานอาหาร จากมื้อธรรมดาๆ แต่มีความหมายมากกว่าแค่ความอิ่มท้อง พื้นที่เล็ก ๆ นั้นเปรียบเหมือน ‘โต๊ะวิเศษ’ เก็บคุณค่าแห่งลมหายใจ สิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตและจิตวิญญาณให้เราทุกคนเติบโต และมีความหมายมากกว่าแค่ความทรงจำ…เป็นสิ่งที่หลายคนอาจหลงลืมมันไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการดำรงชีวิต  

ครั้งแรกที่ดูโฆษณาชุดนี้ ทำให้คิดถึงว่าบ้านของเราก็มีโต๊ะวิเศษเหมือนกัน โต๊ะที่ว่าเป็นโต๊ะพับหน้าเหล็กราคาถูกที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด บนโต๊ะปิดผิวด้วยฟอร์ไมก้าที่หลุดร่อนตามอายุการใช้งานจนต้องไปทำแผ่นสแตนเลสมาครอบแทน โต๊ะวิเศษประจำบ้านนี้มีแม่ซึ่งมีที่นั่งประจำ พวกเราแอบเรียกว่า ‘ท่านประธาน’ เป็นโต๊ะที่พวกเรากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาตอนยังเป็นเด็ก แต่เมื่อต่างแยกย้ายกันไปเรียน ไปทำงานที่ต่างถิ่น เมื่อกลับไปบ้านหรือมีเทศกาลก็ต้องไปเจอกันที่โต๊ะวิเศษที่มีแม่คอยนั่งเฝ้าดูลูกกินข้าวอย่างมีความสุข เวลากลับบ้านทีไรแม่ก็จะให้ไปกินข้าวก่อนโดยมีแม่คอยมานั่งคุยเป็นเพื่อน ดูแล้วแม่ไม่อยากมาคุยเท่าไรแต่อยากมานั่งดูลูกมากกว่า โต๊ะวิเศษแห่งนี้รับใช้พวกเรามาหลายสิบปี สำหรับเรามันช่างเป็นโต๊ะวิเศษจริง ๆ ที่เสกให้เรามีความสุขทุกครั้งที่มาอยู่ตรงนี้โดยมีแม่อยู่กับเราทุกครั้งที่กลับบ้าน

เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี พวกเราเริ่มอายุมากขึ้นตามลำดับ โต๊ะวิเศษก็ยังคงทนและใช้งานได้ดี แต่แม่เริ่มแก่ชราลงไปตามวัย ถึงวันนี้แม่อายุ 90 กว่าปีแล้ว เริ่มมีอาการอัลไซเมอร์ ความจำระยะสั้นหายไป กินข้าวแล้วก็ยังบ่นหิว แต่สิ่งหนึ่งที่แม่ไม่ลืมคือลูก แม่จำลูกได้ จำเสียงลูกได้เมื่อเวลาโทรไปหาเรียก ‘แม่’ แม่ก็เรียกชื่อเราทันที ตอนนี้สิ่งที่พวกเราทำได้คือการที่ลูกหลานผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแลแม่ตามที่แต่ละคนจะจัดสรรเวลาได้ แม่เป็นศูนย์กลางแห่งความรักและศรัทธาทำให้พวกเรามีความร่วมมือที่ดีต่อกันโดยไม่ต้องมีการเอ่ยปากร้องขอ ลูกหลานของแม่ทุกคนไม่มีความเห็นแก่ตัว เมื่ออยู่รวมกันมักไม่ค่อยคิดถึงตัวเอง ทุกคนยินดีจะดูแลแม่ ทำงานบ้านและกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อลดภาระคนในครอบครัว ประเภทว่ามีงานอะไรก็ช่วยกันทำกันโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการทำให้แม่และคนในครอบครัวมีความสุขมากที่สุด  เมื่อย้อนมานึกถึงสถานที่ทำงานของตัวเองซึ่งก็เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเรานำ

พลังแห่งความร่วมมือซึ่งเป็นพลังวิเศษมาใช้ในการพัฒนางานในหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อนร่วมงานแต่ละคนลดการเห็นแก่ตัวลง ช่วยกันทำงานโดยไม่ต้องเกี่ยงว่าไม่ใช่หน้าที่ของฉัน และมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ของการทำงาน คงทำให้พวกเราอยู่กันอย่างมีความสุข ที่ทำงานเราคงมีโต๊ะวิเศษที่พลังวิเศษไม่ได้อยู่ที่ตัวโต๊ะ ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่ช่วงเวลา แต่คือความรักและความหวังดีที่อบอวลอยู่ไม่เสื่อมคลาย …..คุณล่ะ..มีโต๊ะวิเศษไหม…มันมีพลังวิเศษอยู่หรือเปล่า…  
เขียนโดย "บ๋วยเกี้ย "
ภาพและวีดีโอ