#ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ
ไฟใครๆก็กลัวเพราะว่าร้อนจนสามารถเผาผลาญสิ่งต่างๆได้วอดวาย แต่ทำไมทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ วันนี้เรามาทำความเข้าใจไปด้วยกัน ก่อนอื่นทุกคนคงไม่เถียงว่าทองคำเป็นที่หมายปองของมนุษย์ทุกคน สาเหตุที่ทองคำเป็นที่หมายปองของทุกคนเพราะทองคำมีคุณสมบัติที่ดีมากมายอาทิ ทองคำมีสีเหลืองสว่างสดใส และมีความสุกปลั่ง ประกายมันวาวสะดุดตา นอกจากนี้ยังไม่เป็นสนิมแม้จมดินจมโคลน มีความแข็งเหนียว เนื้อแน่น ไม่สกปรก ไม่หมอง ไม่เป็นคราบไคลง่าย สามารถนำมาขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับในรูปแบบต่างๆได้ง่ายกว่าโลหะชนิดอื่นๆ อีกทั้งแร่ทองคำยังเป็นแร่ที่หายาก
จุดเด่นอีกข้อหนึ่งของทองคำคือมีจุดหลอมเหลวที่สูงมาก สูงถึงขนาด 1064 องศาเซล คิดดูว่าจะร้อนขนาดไหน ในช่วงหน้าร้อนบ้านเราอุณหภูมิแค่เกือบๆ 40 องศาเซลเซียลเรายังรู้สึกเหมือนตัวจะละลาย โลกจะแตกไม่วาย จึงมีสุภาษิตไทยที่ว่า"ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ" เพราะกว่าจะหลอมทองคำได้ต้องใช้ไฟที่ทำให้อุณหภูมิสูงมาก ถ้าเป็นไฟธรรมดาก็ไม่ระคายผิวทองคำ และถึงแม้ทองคำถูกหลอมแล้วก็ตาม ยังคงเป็นทองคำอยู่ดีแต่อยู่ในรูปทองคำเหลว
ทองคำมีคุณสมบัติดีขนาดนี้จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆมากมาย ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรมเครื่องประดับอัญมณี ด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจการคลังเพื่อใช้เป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และด้านการแพทย์และทันตกรรม ด้วยคุณค่าและคุณสมบัติที่ดีของทองคำที่ได้ชื่อว่า"ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ"จึงได้นำมาเปรียบกับคนที่ไม่กลัวคำติฉินนินทา เป็นคนที่ยึดมั่น ตั้งมั่นในความดี อดทนต่อการพิสูจน์ความจริง
ยิ่งในโลกปัจจุบัน โลกแห่งเทคโนโลยีโซเชี่ยลมีเดียรุ่งเรืองทำให้มีคนวิพากวิจารณ์การทำงานของหน่วยงานต่างๆหรือบุคคลต่างๆได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงคนวิพากวิจารณ์นั้นย่อมมากกว่าคนทำงาน จนบางครั้งเหมือนมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ พูดง่ายๆก็เป็นการพูดแบบเอาตนเองเป็นที่ตั้ง เป็นศูนย์รวมแห่งจักรวาล บางครั้งก็พูดไม่หมดเพื่อบิดเบือนประเด็นก็มี พูดเข้าข้างตนเองเพื่อหวังประโยชน์ก็มีหรือพูดเอาแต่ได้นั่นแหละ
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ!!! เจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องยึดกฎ ระเบียบ และผลประโยชน์ของภาครัฐเป็นหลัก ส่วนผู้รับจ้างหรือผู้ประกอบการย่อมต้องการกำไรสูงสุด จึงมักพิทักษ์ผลประโยชน์ให้ตนเองทุกวิถีทางจนบางครั้งลืมกติกาหรือเงื่อนไขของสัญญาที่ได้ทำความตกลงกันไว้ หากการทำงานของผู้รับจ้างไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาจ้างแล้ว ย่อมต้องถูกเรียกค่าปรับตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่บางครั้งผู้รับจ้างหรือผู้ประกอบการไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งเป็นการสร้างงานให้กับหน่วยงานยุติธรรมและหน่วยงานผู้ว่าจ้าง ต้องเสียเวลาทำเรื่องชี้แจงเหตุผลในแต่ประเด็น ทั้งๆที่ประเด็นข้อกล่าวหาเหล่านั้นเหมือนประเภทตีความแบบศรีธนญชัยเพื่อเข้าข้างตนเอง ยิ่งทำให้มองเห็นความเอาแต่ได้ของผู้รับจ้างบางคนที่มีพฤติกรรมที่กล่าวมา
อยากจะย้ำว่าสุภาษิตที่มีมาแต่โบราณ"ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ"มีอยู่ทุกที่ทุกสมัย ดังนั้นก่อนที่จะทำอะไรจึงควรคิดให้ดี คิดให้รอบคอบอย่าคิดเข้าข้างตนเอง เพราะหากมีการพิสูจน์แล้วผลพิสูจน์ย่อมทำให้เกิดความละอายทางใจได้อย่างแน่นอน เพราะต่างรู้กันอยู่แก่ใจว่ามันเป็นความผิดของใคร แล้วในที่สุดเราคงจะได้รู้กันว่าใครคือทองแท้ ใครคือทองเก๊ เพราะความยุติธรรมและฟ้าย่อมมีตาและเข้าข้างคนดีเสมอ...
#ขอเป็นกำลังใจให้คนทำงานทุกคนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและความดี
เขียนโดย"ฟ้าโปรย"
#ความถูกต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ก้าวเดินไปข้างหน้า