เปลี่ยนการแสดงผล
“ตัวประกอบสอบผ่าน”
5 มิถุนายน 2564 196 ครั้ง
“ตัวประกอบสอบผ่าน”

“ขุนช้างดื่มเหล้า เออ เอ่อ เอย จนเมามาย
ตาลาย เห็นช้าง เอ๊ย เหยอะ เอ๊ย เหยอะ เออ เอ่อ เออ เอย ตัว เท่าหมู” 

เพลงละครสมัยเรียน ม.ปลาย แว่วเข้ามาในโสตประสาท ฉันได้เล่นละคร บทขุนช้าง เป็นความบังเอิญ ที่ได้รับบทบาทการแสดงนี้ในงานโรงเรียน เนื่องในวัน “สุนทรภู่” มันนานมากแล้ว 

“นี่เธอ เห็นยัยราตรีมั้ย ไปอยู่ไหนเนี่ย แหม เด็กพวกนี้ ไม่ไหวจริงๆ นัดไม่เป็นนัด หรือจะไม่กล้าเล่น” คุณครูภาษาไทยแสนดุถามหาเด็กนักเรียนคนหนึ่ง จากนั้นก็ยัดเยียดตัวละครให้ฉันแทนตำแหน่งที่ยังขาด 

“เธอเล่นเป็นขุนช้างได้มั้ย เล่นให้หน่อยละกัน ไหน ๆ ก็มาแล้ว” เหตุผลง่ายๆ ของครู ถ้าวันนั้น ฉันไม่ได้เดินเข้าไปในโรงยิม ฉันคงไม่ได้เล่นละคร แค่จะเข้าไปดูว่ามีความวุ่นวายอะไรกันอยู่ในโรงยิม ซึ่งก็ได้คำตอบในที่สุดว่าชมรมภาษาไทยกำลังเตรียมและจะซ้อมละครสำหรับงานโรงเรียนนี่เอง 

หลังจากบทบาทขุนช้างในการแสดงละครในวันนั้น ฉันก็เป็นที่รู้จักของครูและใครหลายๆ คน “ยัยตุ้งนี่เค้าแสดงละครได้ไม่เลวเลยนะเนี่ย” เป็นคำชมที่ฉันเองก็แอบภูมิใจมิใช่น้อย ความที่ฉันชอบเลียนแบบท่าทางคนนั้น คนนี้ ทำท่าล้อเลียน ทำเสียงล้อเลียน น่าจะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันมีทักษะในการแสดงละคร ฉันสรุปเองคิดเอง ไม่เห็นต้องไปเรียนการแสดงอะไรที่ไหน ฉันเล่นได้ทุกบท 

ฉันเรียนหนังสืออยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่ความทะยานอยากที่จะมีอาชีพที่ใฝ่ฝันดูจะไกลเกินเอื้อมไปเสียหมด สมัย เรียนประถม ฉันอยากเป็นนักบินอวกาศ มีรูป นีล อาร์ม สตรอง ที่ลงเหยียบบนดวงจันทร์ติดอยู่หน้าโต๊ะทำการบ้าน แต่สมองขี้เลื่อยอย่างฉัน ได้แค่ฝัน ช่วงเรียนมัธยมฉันเริ่มเบนเข็ม อยากจะเป็นวิศวกรหญิง คงจะเท่ไม่เบา และคงไม่ต้องใส่กระโปรงทำงาน ฉันไม่ชอบใส่กระโปรง แต่ผลการเรียน เกรดแบบนี้ไม่น่าไปถึงฝั่งฝัน คุณครูแนะแนวก็ให้ฉันวิเคราะห์ตัวเอง ว่ามีความถนัดอะไรแน่ ฉันก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันในเวลานั้น ก็เราไม่ได้ไปลองทำงานอย่างที่อยากทำ อยากเป็นนี่นะ จะรู้ได้ไงว่าชอบหรือไม่ชอบกันแน่ 

แต่เอาล่ะ ในที่สุดฉันก็เรียนจนจบปริญญาตรี แต่ก็ต้องหางานทำอยู่พักใหญ่ สุดท้าย ฉันก็ได้ทำงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้ ความประทับใจในการแสดงยังตราตรึงใจฉันอยู่มิคลาย ทำงานโรงงานพักใหญ่ งานไม่มีอะไรตื่นเต้น ทำให้นึกถึงความสามารถที่ฉันทำได้ ฉันอยากเปลี่ยนมาเป็นดารากับเค้าบ้าง เราไม่สวยหน้าตาแค่พอดูได้ ก็เล่นเป็นตัวประกอบได้นี่นา ตัวประกอบได้เล่นหลายเรื่องด้วย อาจจะมากกว่าบทนางเอก-พระเอกด้วยซ้ำ ฉันนึกในใจ ทำยังไงถึงจะได้เป็นดารากับเค้าบ้างนะ เล่นเป็นงานอดิเรกก็น่าจะดี น่าจะพอมีรายได้มาเสริม มีเงินเก็บกับเค้าบ้าง เอ๊.. หรือจะเป็นนักพากย์ดี ไม่ต้องใช้หน้าตาใช้แค่เสียง งานพากย์หนัง พากย์การ์ตูนไม่หมดไปจากวงการง่ายๆ เสียงเราก็พอไปวัดไปวาได้ ลีลาบทบาทการพากย์หนัง ก็คงไม่ต่างจากแสดงจริงเท่าไหร่ 

…หรือจะพาย์กีฬา พากย์ฟุตบอล เห็นคนชอบดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทั่วโลก กีฬาก็ไม่มีทางหมดไปจากโลกเราง่าย ๆ จะเลือกทำงานอะไรดีนะ ที่มันเหมาะกับเรา สมัยนี้ต้องใช้คำว่า “ที่มันคลิ้ก” 

“ตุ้งเอ๊ย ตื่นได้แล้วลูก ทำไมวันนี้ตื่นสายนัก แม่แกจะกลับจากตลาดแล้วนะ ลุกมาหุงข้าวหุงปลาได้แล้ว” เสียงของยายปลุกให้ฉันต้องสะดุ้งตื่น แหม่ กำลังนอนเพลิน ๆ วันหยุดแบบนี้ ขอนอนสายซักนิดก็ไม่ได้ กำลังฝันดีซะด้วยสิเรา

“อาทิตย์นี้ มีตลาดนัดเปิดใหม่เลยบ้านเราไป 3 ซอย แม่แกเค้าจะทำไก่ทอดไปลองขายเพิ่มอีกที่นึง ไปช่วยแม่แกขายของหน่อยนะลูก ช่วยๆ กัน เงินทองยิ่งหากันยากๆ” เสียงยายยังพูดต่อ ฉันคงต้องช่วยแม่ขายไก่ทอดตามตลาดนัดไปพลางๆ ระหว่างตกงานเพราะพิษ โควิด-19 ที่ทำให้โรงงานต้องปิดตัวอย่างถาวร ตอนนี้ฉันเป็น “แม่ค้า” อาชีพที่ไม่ได้ฝันอยากเป็นเลย แต่มันเป็นเรื่องจำเป็น ฉันต้องเป็นและฉันต้องทำ ทำให้หวนคิดว่า ถ้าฉันได้เป็นดารา ไม่แน่ตอนนี้ก็อาจตกงานและต้องขายของตามที่แบบที่ฉันเป็นอยู่ ฮ่าๆๆ คิดแล้วก็ลุกขึ้นไปช่วยแม่ขายของดี หาเงินเข้าบ้านดีกว่า อาชีพที่สุจริตเงินน้อยแต่มีความสุข ได้อยู่กับแม่อยู่กับยาย ใจสบายในทุกๆ วัน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

เขียนโดย "ตุ้งแช่"
ภาพและวีดีโอ