เปลี่ยนการแสดงผล
#อย่าให้ซ้ำรอย
11 กันยายน 2564 190 ครั้ง
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เป็นวลีที่ใช้เตือนสติในกรณีไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียใจ เสียหาย สูญเสีย ดังเช่นเหตุการณ์ 911 หรือ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่เป็นข่าวโด่งดังสยองขวัญไปทั่วโลก เมื่อผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสารของสหรัฐอเมริกา 4 ลำ เพื่อทำหน้าที่เสมือนขีปนาวุธขนาดยักษ์ที่จะทำลายล้างอาคารที่เป็นที่รู้จักดีในนิวยอร์กและวอชิงตัน
เครื่องบิน 2 ลำถูกบังคับให้ไปบินชนตึกแฝดในนามเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก ทั้งสองตึกเกิดไฟลุกไหม้ทำให้คนในตึกไม่สามารถหนีลงมาได้ ทำให้นิวยอร์กถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันไฟราว 2 ชั่วโมงเท่านั้นตึกทั้งสองก็พังถล่มลงกลายเป็นฝุ่นควันขนาดยักษ์ไปทั่วนิวยอร์ก เครื่องบินลำที่ 3 ได้พุ่งชนด้านหน้าของอาคารเพนตากอน ซึ่งเป็นที่ทำการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในรัฐเวอร์จิเนีย ส่วนลำที่ 4 ผู้ก่อการร้ายมุ่งหวังโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แต่ผู้โดยสารพยายามต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทำให้เครื่องบินตกลงในทุ่งที่รัฐเพนซิลเวเนีย
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่พักอาศัยในอาคารแฝดดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก ด้วยฝีมือของกลุ่มอัลไคดา (al-Qaeda) หรืออัลกออิดะห์ ภายใต้การนำของโอซามา บิน ลาเดน โดยกลุ่มอัลไคดาโทษสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรว่าเป็นต้นตอของความขัดแย้งในโลกมุสลิม การสูญเสียครั้งนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช สั่งกองทัพบุกอัฟกานิสถานหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่ถึงหนึ่งเดือนโดยได้รับความสนับสนุนจากนานาชาติ เพื่อกำจัดกลุ่มอัลไคดา และตามล่า บิน ลาเดน กองทัพสหรัฐฯใช้เวลาถึง 10 ปีจึงพบตัวและสังหารบินลาเดนได้ที่ปากีสถาน บทเรียนราคาแพงครั้งนี้ทำให้สหรัฐฯไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจึงก่อตั้งหน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่ง (Transportation Security Administration - TSA) ขึ้นมาเพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยทั้งในสนามบินและบนเครื่องบินมากขึ้น แต่สหรัฐฯก็ยังคงฝันร้ายและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาที่ถึงแม้จะสังหารบินลาเดนไปได้ โดยที่ตนเองก็สูญเสียงบประมาณและทหารเป็นจำนวนมากที่ส่งไปรบที่อัฟกานิสถานเกือบ 20 ปี และ ได้ถอนทัพทั้งหมดในอัฟกานิสถานแล้ว ทำให้เครือข่ายอิสลามหัวรุนแรงอาจจะกลับมามีอิทธิพลอีกครั้งก็ได้ และจะมีวิธีการล้างแค้นหรือเอาคืนอย่างไร ส่งผลให้ความสงบสุขในใจคงไม่มี จะเห็นได้ว่าสงครามมีแต่การสร้างความสูญเสียทั้งสองฝ่ายอย่างไม่จบสิ้นไม่ได้สร้างประโยชน์แก่ฝ่ายใดเลย อาจมีเพียงแค่ความสะใจ สมใจ ของผู้นำแค่ชั่วคราวที่คิดว่าได้รับชัยชนะแต่จริงๆแล้วเป็นการพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย แพ้ตั้งแต่ตัดสินใจเพราะไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำไปนั้นจะกระทบต่อคนบริสุทธิ์หรือไม่ ต่างจากสงครามที่ชาวกรมฝนหลวงฯกำลังต่อสู้อยู่เพื่อพี่น้องประชาชนนั่นคือสงครามภัยแล้ง ทั้งในพื้นที่การเกษตรที่ยังมีปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอ และอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนที่สำคัญๆยังมีปริมาณน้ำเก็บกักที่น้อยซึ่งอาจจะส่งผลให้ฤดูแล้งที่จะมาถึงมีปริมาณน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของพี่น้องประชาชน พวกเราชาวกรมฝนหลวงฯบอกกับตนเองเสมอว่าต้องชนะเท่านั้น เราจะแพ้ไม่ได้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยที่พวกเรายังคงพยายามที่จะขึ้นบินทำฝนให้อย่างเต็มที่เมื่อมีโอกาส
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงสภาพอากาศของเดือนกันยายน มักจะเผชิญกับสภาพอากาศปิดบ่อยครั้ง ทำให้ทัศนวิสัยในการบินไม่ดี ส่งผลต่อความเสี่ยงในการบินมากขึ้น และพี่น้องของพวกเราก็เคยเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ได้เกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุเครื่องบินตกจากสภาพอากาศปิดทัศนวิสัยในการบินไม่ดี จึงเป็นบทเรียนสำคัญให้กับพวกเราที่ต้องคอยตระหนักกับเงื่อนไขของสภาพอากาศในระหว่างการบินให้มากขึ้น โดยมีการถอดบทเรียนเพื่อให้เกิดความเข้มงวดในเรื่องนิรภัยการบินมากยิ่งขึ้นเพราะเราไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่เหมือนฝันร้ายในชีวิตของพวกเราครอบครัวชาวฝนหลวง

เขียนโดย"ฟ้าโปรย"
#วันพรุ่งนี้ยังมีหากยังมีลมหายใจ

ภาพและวีดีโอ