เปลี่ยนการแสดงผล
เหตุการณ์ใหญ่ เครื่องบินฝนหลวงตก นักบินทั้งสองเสียชีวิตคาที่แบบนี้รับรองได้ว่า ต้องเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับอย่างแน่นอน!!!
18 เมษายน 2563 178 ครั้ง

เหตุการณ์ใหญ่ เครื่องบินฝนหลวงตก นักบินทั้งสองเสียชีวิตคาที่แบบนี้รับรองได้ว่า ต้องเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับอย่างแน่นอน!!!

วันนั้นเป็นวันที่ 24 กันยายน 2562 เวลา 10 โมงเศษๆ อธิบดีกรมฝนหลวงและคณะกรรมการตรวจรับอากาศยาน ไปราชการที่ เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อทำการตรวจรับอากาศยานที่สั่งซื้อมาทดแทนอากาศยานที่อายุเกือบ 40 ปี ระหว่างกำลังจะออกจากโรงแรม ไปโรงงานผลิตอากาศยาน ผอ.จเด็ด ได้มารายงานว่า ได้รับแจ้งว่า เครื่องบินคาราแวน ลำที่ครูน้อยได้ขึ้นฝึกบินให้นักบินใหม่ หายไป ติดต่อไม่ได้ ทำให้สติเริ่มกระเจิง

ตอนนั้นได้แต่คาดหวังว่า ระบบสื่อสารอาจขัดข้องเลยติดต่อไม่ได้ แต่อีกสักพัก ครูม้า และ รองอธิบดีปนิธิ ก็โทรผ่านไลน์มาแจ้งว่าเครื่องครูน้อยตกและนักบินทั้งสองท่านเสียชีวิต ทำให้ความหวัง ที่คิดว่าที่ติดต่อไม่ได้เพราะระบบสื่อสารขัดข้องสลายไป กลายเป็นช้อคแทน

แล้วทันทีที่ทำตอนนั้น ก็คือติดต่อขอเปลี่ยนตั๋วบินกลับไทย เพราะถ้าอยู่ต่อก็คงไม่มีจิตใจทำงาน และทางโน้นคงวุ่นวายกันแน่นอน ไม่ว่าจะนักข่าวคงจะต้องการได้ข้อมูล ไหนจะเรื่องการเตรียมงานศพ แต่ขอให้ทีมงานที่มาด้วย ทำงานต่อไปให้เรียบร้อย

พอเริ่มตั้งสติได้ดีขึ้น ก็โทรผ่านline บอกให้รองอธิบดีปนิธิ ให้ลงพื้นที่เกิดเหตุทันทีเผื่อนักข่าวต้องการสัมภาษณ์ และจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกกับทั้งสองครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย และเป็นไปอย่างที่คาด นักข่าวคอยที่จะสัมภาษณ์ รองอธิบดีก็ให้ข้อมูลเบื้องต้น และบอกว่าอธิบดีติดราชการต่างประเทศ กำลังเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินกลับมาคืนนี้ รอให้อธิบดีเป็นผู้ให้รายละเอียด ต้องชื่นชมว่ารองอธิบดีปนิธิ มีภาวะผู้นำที่ดี ยังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรไปมาก ให้แค่ข้อมูลพื้นฐานที่เป็นจริง ไม่ได้เป็นข้อมูลที่คิดว่า คาดว่า เพราะคำพูดที่หลุดออกจากปากผู้บริหารแล้ว นักข่าวก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง จะเขียนข่าวตามที่เราพูด แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องจริงแบบนั้น จะแก้ข่าวยากมาก

โชคยังดีครับ ที่เปลี่ยนตั๋วเครื่องบินได้ แต่ต้องมาลุ้นว่าจะไปขึ้นเครื่องบินทันหรือไม่ เพราะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ จากเมืองบันดุง ไปกรุงจากาตาร์ ถึงแม้ระยะทางแค่เพียง 120 กม. แต่การจราจรค่อนข้างสาหัส จะใช้เวลาเดินทาง 3-5 ชม. แล้วแต่สภาพการจราจร

เวลาออกจากบันดุงเวลา 11.00 น. เที่ยวบินเวลา 17.00 น. ก็ต้องมาลุ้นกันว่า จะไปทันหรือไม่ทันครับ

คนขับรถช่วยเหยียบคันเร่ง อย่างเต็มที่ เรียกว่าไม่มีเวลาแวะทานอาหารกลางวัน แค่แวะเข้าห้องน้ำ แล้วหาซื้อพวกขนมปังทานรองท้องกันไป ในที่สุดก็มาถึงสนามบินเวลา 15.30 น. ที่เค้าเตอร์การบินไทย ยังเปิดให้เช็คอินอยู่ โล่งอกไปหน่อยครับ

ในสถานการณ์แบบนี้เวลาทุกนาทีมีค่ามากมาย
ในระหว่างเดินทางมาสนามบิน จึงได้หารือทาง line กับพี่ๆน้องๆครอบครัวฝนหลวงกัน ไม่ว่าจะเรื่องขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และขอพระราชทานเพลิงศพ การเลือกวัดที่จะจัดพิธีทางศาสนา โดยให้ข้อแนะนำว่าควรเลือกวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เพื่อสะดวกพวกเราไปร่วมจัดงานในตอนเย็นของทุกวัน เนื่องจากกรมฝนหลวง ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และให้จัดงานที่เดียวกันทั้งสองครอบครัว โดยกรมฝนหลวงจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดงานให้ทั้งหมด แต่สุดท้ายต้องแยกจัดงานเพราะน้องซันนี่หรือ กัปตันเสกสรร จงเสถียรธรรม นับถือศาสนาคริสต์ ส่วนครูน้อยหรือ กัปตันตฤณ อัมระนันท์ จัดงานที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เนื่องจากใกล้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารจะสะดวกที่ไปงานได้มากกว่า

วันที่ 25 กันยายน เป็นวันแห่งความวุ่นวายอย่างที่คิดไว้ อธิบดีมาถึงกรมแต่เช้า ผู้บริหารกรมท่านหนึ่ง ก็มารายงานว่าไม่สามารถขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพได้ทัน เพราะตามระเบียบจะต้องยื่นขอก่อน 1 วัน ตอนนี้ใบมรณบัตรของผู้วายชนม์ ก็ยังไม่ได้ และคุยกับครอบครัวผู้วายชนม์แล้ว ก็ไม่ติดใจ ส่วนของน้องซันนี่ เพิ่งเข้ารับราชการ ก็ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ที่จะขอพระราชทานดินฝังศพ

อธิบดีจึงตอบกลับว่า ถึงแม้ครอบครัวผู้วายชนม์ไม่ติดใจ ที่เราจะขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้ไม่ทัน แต่ผมจะลองประสานเองดูอีกที เพราะครูน้อยเป็นบุคคลที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนมาอย่างเต็มที่มาตลอดจนจะเกษียณชีวิตราชการอยู่แล้ว แต่มาเสียชีวิตในหน้าที่แบบนี้ พวกเราต้องเต็มที่จัดงานให้พี่ชายในครอบครัวฝนหลวงของเราเป็นครั้งสุดท้ายอย่างสมเกียรติ์ที่สุด ต้องพยายามกันให้ถึงที่สุดก่อน

แต่วันนี้จะต้องลงพื้นที่ที่เกิดเหตุด้วย เพื่อรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองทั้งหมด เพราะนักข่าวคอยสัมภาษณ์อยู่ โดยกำหนดให้มีการแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 26 กันยายน เวลา 10.00 น. ที่กรมฝนหลวง

เวลามันช่างบีบคั้นเสียจริง จะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ในทุกเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์ หรือกัลยาณมิตร ที่จะช่วยเหลือกันคงจะเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยครับ

แล้วพวกเราครอบครัวชาวฝนหลวง จะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ ด้วยวิธีการใด ลองมาฟังกันต่อพรุ่งนี้ครับ...

#ความรัก...เป็นพลังบวกให้เกิดความพยายาม
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
#โควิด19พวกเราต้องรอด

เขียนโดย "ฟ้าโปรย"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพและวีดีโอ