#เล่าเรื่องเลียนแบบน้องหมา
  สุนัขหรือน้องหมานับเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของไม่ให้เหงา สร้างความสุขให้เจ้าของได้เสมอๆ และยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ยอดกตัญญูเสียด้วย เช่น เจ้าฮาจิโกะ ที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อปี 2009 ที่ฮอลลีวู้ดได้นำเรื่องราวความผูกพันของเจ้าฮาจิโกกับเจ้านายไปทำภาพยนต์เรื่อง“Hachi A Dog’s Tale ฮาชิ หัวใจพูดได้” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1923 ได้มีสุนัขพันธุ์อาคิตะตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ฮาจิโกะ เกิดขึ้นในฟาร์มที่เมือง โอดาเตะ ประเทศญี่ปุ่น ศาสตราจารย์ ฮิเดะซาบุโร่ อุเอโนะ ได้รับเลี้ยงเจ้าฮาจิโกะ และฝึกสอนมันเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็มอบความรักซึ่งกันและกันเรื่อยมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มผูกพันมากขึ้นทุกวันๆ เจ้าฮาจิโกจะไปส่งเจ้านายที่สถานีชิบูย่าทุกๆวัน และรอคอยเจ้านายของมันกลับมาในตอนเย็นทำแบบนี้จนเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่ต่อมาวันหนึ่งได้เกิดโศกนาฏกรรมศาสตราจารย์อุเอโนะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ จากสภาวะเลือดออกในสมอง แต่เจ้าฮาจิโกะไม่ทราบว่าเจ้านายไม่มีวันกลับมาแล้ว ยังได้ไปรอที่สถานีทุกวันเหมือนเดิมเป็นเวลาตลอดระยะเวลา 10 ปี และต่อมาเจ้าฮาจิโกะได้ตายลงในที่สุด ชาวญี่ปุ่นได้ทราบเรื่องความซื่อสัตย์กตัญูญูของสุนัขตัวนี้กันเป็นอย่างดี จึงได้สร้างอนุสาวรีย์เจ้าฮาจิโกะเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูและซื่อสัตย์ที่หน้าสถานีรถไฟชิบูยะ และทำให้หนุ่มสาวญี่ปุ่นจะนิยมไปสัญญารักต่อกันหน้ารูปหล่อของฮาจิโกที่สถานีรถไฟดังกล่าว ถ้าหากท่านใดมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น และอยากมีความรักที่ซื่อสัตย์ อย่าลืมแวะไปสัญญารักต่อหน้ารูปปั้นเจ้าฮาจิโกะ บริเวณหน้าสถานีรถไฟชิบุยะ กรุงโตเกียว กันนะครับ เล่าเรื่องหมามาตั้งนานแล้วเกี่ยวอะไรกับกรมฝนหลวงฯเหรอเนี่ย มาตามกันต่อไปครับเพราะมันมีที่มา
  ด้วยการที่กรมฝนหลวงฯเป็นหน่วยงานที่ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เหมือนกับหน่วยงานอื่นๆที่จะต้องมีการทำประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้กับพี่น้องประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของหน่วยงาน หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มประชาสัมพันธ์ แต่ปัจจุบันกลุ่มประชาสัมพันธ์ของกรมฝนหลวงฯมีการตั้งเป็นหน่วยงานภายในเป็นกองส่งเสริมและเผยแพร่โครงการพระราชดำริซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้มีหน่วยงานรับผิดชอบโครงการพระราขดำริโดยตรง มีหน้าที่ในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการพระราชดำริและส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร ตลอดจนการสร้างการรับรู้แก่พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริฝนหลวง บุคลากรของหน่วยงานนี้มีข้าราชการเพียง 4 คนประกอบด้วย นายสหชาติ รอดไสว  น.ส.กนกกาญจน์ จันทร์เกิด นายธนินท์โชติ โชติรัตนพงศ์ธร และน.ส.จิราพรรณ เทียนอินทร์ และมีน้องจ้างเหมามาช่วยงานอีกจำนวน 9 คน ได้แก่ น.ส.รัตนา นาอุดม น.ส.นิสากร ศาสตร์มูล น.ส.ฐิตาพร แสวงผล น.ส.อาภาภรณ์ นารี น.ส.โสภิดา มีสุข น.ส.อัจฉราพร บุบผาชาติ น.ส.สโรชา สุขสิงห์ นายอดิศร ผ่องแผ้ว น.ส.พรเพ็ญ เวชราภรณ์ การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้นั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีกลยุทธ์หรือเทคนิคที่ดีเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์
  อยู่มาวันหนึ่งมีการประชุมเพื่อวางแผนกำหนดกลยุทธ์ในการที่จะทำประชาสัมพันธ์องค์กร ได้มีน้องคนหนึ่งในทีมงานนี้พูดขึ้นว่า หลักคิดง่ายๆเราก็ทำประชาสัมพันธ์โดยเอาพฤติกรรมของน้องหมามาใช้สิครับ ทำให้ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะ และตั้งใจฟังคำอธิบายว่ามันเป็นอย่างไร หมาจะมีพฤติกรรมในการเห่าหรือหอน ด้วยสาเหตุต่างกัน หมาหอน เพราะหมาต้องการสื่อสารเช่นหมาป่าหอนเพื่อสื่อสารให้สมาชิกได้รู้ถึงตำแหน่งที่อยู่  หอนเพื่อตอบสนองเสียงสูง และเพราะเหงา คิดถึงเจ้าของ ต้องการความสนใจ หวงที่ ถูกทิ้ง ตื่นเต้น ป่วย หัวเสีย  ก็เป็นการแสดงให้คนหรือสัตว์ตัวอื่นๆรับรู้ในสิ่งที่ตนอยากจะให้รับรู้ไงครับ เราก็สื่อสารให้พี่น้องประชาชนรับรู้ในเรื่องต่างๆที่กรมต้องการให้รับรู้เช่น แผนและผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันด้วยการ live ผ่านเพจFacebook กรม และต้องมี 2 เวอร์ชั่นคือเวอร์ชั่น ภาษาอังกฤษด้วย เพื่อให้คนต่างประเทศเข้าใจด้วยไงครับ 
  ในบางครั้งต้องการติดตามงานในพื้นที่ และความเป็นอยู่ของอาสาสมัครฝนหลวงซึ่งเป็นสมาชิกครอบครัวฝนหลวง เราก็ลงพื้นที่และสัมภาษณ์พี่น้องเหล่านั้น ที่ประสบปัญหาภัยแล้งและได้รับการช่วยเหลือแก้ไขอย่างไรให้ประชาชนได้รับรู้จากปากของพี่น้องชาวอาสาสมัครฝนหลวงหรือผู้ได้รับการช่วยเหลือเอง ภายใต้รายการ"ใต้ปีกฝนหลวง" และตามเทศกาลหรือกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ เราก็ไปนำเสนอนิทรรศการเกี่ยวความเป็นมาและผลการดำเนินงานโครงการพระราชดำริฝนหลวงให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น หรือการให้สัมภาษณ์ในรายการต่างๆทั้งในกรณีที่มีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริฝนหลวง ตลอดจนสร้างความมั่นใจ ความเข้าใจ ในการช่วยเหลือบรรเทาปัญหาภัยแล้งและภัยพิบัติต่างๆต่อพี่น้องประชาชน ส่วนหมาที่ปากเปราะหน่อยก็จะเห่าบ่อยจนเจ้าของอาจจะรำคาญไปเลยก็ได้ ก็เหมือนกับเรื่องที่เราต้องการให้มีการรับรู้บ่อยๆถี่ๆเราก็เลือกทำประชาสัมพันธ์ให้ถี่ๆบ่อยๆ มีการอัพเดทข้อมูลอย่างต่อเนื่องผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่นการออกสปอตโฆษณา การขึ้นตัววิ่งในรายการทีวี การขึ้นบิลบอร์ด การอัพเดทข้อมูลบนFacebook  Twitter Line ฯลฯ 
ที่สำคัญที่สุดหมายังมีลักษณะเด่นเรื่องความซื่อสัตย์ กตัญญู นั่นคือเราต้องซื่อสัตย์ต่อผู้รับรู้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยการให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงไม่ใช่มโนหรือนั่งเทียนหรือเต้าข่าว และห้ามบิดเบือนข้อมูลโดยเด็ดขาดไงครับ
  ความคิดของน้องคนนี้น่าคิดน่าเอามาเป็นหลักประยุกต์ใช้ได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ต่อข้อมูลที่จะนำเสนอ หากใครอยากเอาเทคนิคการประชาสัมพันธ์เล่าเรื่องเลียนแบบน้องหมาไปใช้ เราไม่หวงลิขสิทธิ์นะครับ แต่ขออย่างเดียวอย่าไปใช้เทคนิคแบบหมาเห่าใบตองแห้งนะครับ เพราะหมาเห่าใบตองแห้งนั้น แค่ใบตองแห้งมันโดนลมพัดไหวไปมาเสียงดังแกรกกรากหมาไม่เข้าใจ ไม่พิสูจน์ก็เห่าไว้ก่อนแถมไม่กล้าไปดูความจริง หรือกล้าไปกัดใบตองแห้ง ก็ได้แต่มโนไปวันๆสุดท้ายก็จะหมดความเชื่อถือไงครับ
#ยิ่งมโนยิ่งหลอน
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"