เปลี่ยนการแสดงผล
#อยากได้ฝนเชิญทางนี้
7 กรกฎาคม 2563 179 ครั้ง

#อยากได้ฝนเชิญทางนี้
  เมื่อเร็วนี้ทางสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าปีนี้แหล่งน้ำต้นทุน 4 เขื่อนใหญ่ที่รับผิดชอบลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้แก่ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งเป็น 2 เขื่อนที่ทำหน้าที่หลัก และมีอีก 2 เขื่อนคือ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์คอยช่วยเสริมในกรณีที่มีน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการในลุ่มเจ้าพระยา
  แต่ระยะหลังๆ เขื่อนสิริกิติ์จะรับภาระหนักกว่าเขื่อนภูมิพลเนื่องจากเขื่อนภูมิพลมีน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะเวลา 2 ปีมานี้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์ก็น้อยลงเช่นกัน เนื่องจากฝนตกเหนือเขื่อนน้อยลงและพายุก็ไม่ได้พัดจรเข้าไทยแบบที่ทำให้น้ำไหลเข้าเขื่อนเป็นน้ำเป็นเนื้อ เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกษตรกรในลุ่มเจ้าพระยาอาจจะต้องเปลี่ยนวิถีการทำนาจากเดิม ที่ทำทั้งนาปีและนาปรังซึ่งใช้น้ำเป็นปริมาณมาก เปลี่ยนมาทำนาปีและปลูกพืชใช้น้ำน้อยในฤดูแล้งแทนจากการได้รับทราบข้อมูลของหน่วยงานระดับประเทศ ปริมาณน้ำในลุ่มเจ้าพระยามีทิศทางลักษณะเช่นนี้ เห็นทีพี่น้องเกษตรกรจะต้องตั้งหลักคิดในการดำรงชีพด้านการเกษตรใหม่ให้ดี
  อย่างไรก็ตามด้วยความโชคดีของคนไทยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงคิดค้นโครงการพระราชดำริต่างๆมากมายเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน รวมทั้งโครงการพระราชดำริฝนหลวงที่เป็นโครงในการช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ช่วยเพิ่มเติมน้ำในเขื่อนในส่วนที่ต้องการเติมเต็มจากน้ำฝนธรรมชาติ
  ในอดีตการปฏิบัติการฝนหลวงจะกระทำต่อเมื่อเกษตรหรือประชาชนมีการถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัว ต่อมาได้มีการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง เนื่องจากผู้ขอรับบริการมีจำนวนมากขึ้น การขอรับบริการฝนหลวงจึงให้กระทำผ่านเกษตรและสหกรณ์จังหวัด
จนกระทั่งปัจจุบันได้มีการก่อตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้นจึงได้มีการประยุกต์นำช่องทางต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริการประชาชนให้มากขึ้น การขอรับบริการฝนหลวงจึงมีช่องทางต่างๆ มากมายโดยไม่เสียค่าบริการใดๆ ดังนี้
1.กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
   โทร.02-109-5100-18 ต่อ 410
2.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคทั้ง 7 ศูนย์
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน จ.เชียงใหม่
   โทร.053-275-051
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่างจ.พิษณุโลก
   โทร.055-303-551
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.นครสวรรค์
   โทร.056-256-018
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.ขอนแก่น
   โทร.043-468-217
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.บุรีรัมย์. 
   โทร.044-119-992
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกจ.ระยอง
   โทร.038-025-729
 ⁃ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี
   โทร.077-953-062
3.ติดต่อกับอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่
4.ติดต่อที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด
5.ติดต่อที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
   หรือ MOAC Call center โทร.1170 
6.ติดต่อทางเว็บไซต์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร 
    http://service.royalrain.go.th/royalrain/service
7.ช่องทาง social media
 ⁃ Facebook : กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
 ⁃ Twitter : @drraa7
 ⁃ Instagram: drraa_pr
 ⁃ YouTube : ใต้ปีกฝนหลวง
 ⁃ Line Official Account : @drraa
  อย่างไรก็ตามกรมฝนหลวงฯ มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเรื่องความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่ในแต่ละช่วงเวลา ตลอดจนมีการประสานงานร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมชลประทานเพื่อวางแผนในการบริหารจัดการเติมน้ำให้เขื่อนต่างๆร่วมกัน กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อวางแผนการจัดการน้ำในพื้นที่กรรเกษตรนอกเขตชลประทาน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำถึงแม้จะไม่มีการแจ้งการขอรับบริการเข้ามาแต่อย่างใด
  พวกเราชาวฝนหลวงยินดีปฏิบัติการทำฝนให้พี่น้องประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ที่มีความต้องการน้ำเพิ่มเติมจากฝนธรรมชาติภายใต้การน้อมนำตำราฝนหลวงพระราชทานมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆอย่างเต็มที่ด้วยความร่วมมือของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย เพราะเราเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกัน การจับมือ ต่อสู้ไปด้วยกันย่อมเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเราจะก้าวข้ามปัญหาภัยแล้งนี้ไปได้แน่นอนด้วยกำลังใจที่พวกเราได้รับจากคนบนฟ้าในนามพระบิดาแห่งฝนหลวง
#ผู้ให้ให้ด้วยใจย่อมเป็นสุขผู้รับเอาแต่ใจย่อมเป็นทุกข์
#SaveThailand
#SaveRainmakingTeam
#Saveบุคลากรทางการแพทย์
#แล้งนี้ต้องรอด
เขียนโดย "ฟ้าโปรย"

ภาพและวีดีโอ