เปลี่ยนการแสดงผล
#จดหมายถึงพ่อ (84)
28 ธันวาคม 2563 166 ครั้ง
#จดหมายถึงพ่อ (84)

ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าพเจ้าที่จะทบทวนประสบการณ์และความรู้สึก ร้อยเรียงออกมาเป็นอักษรถึงเอกบุรุษที่ข้าพเจ้าเชื่อ เต็มใจและยอมรับโดยสุดหัวใจว่าพระองค์คือ“พระบิดาหรือพ่อของแผ่นดินไทย” สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้า เมื่อนักข่าว David Lomax จาก BBC ได้สัมภาษณ์พ่อเมื่อราวทศวรรษที่ ๑๙๗๐ ในระหว่างตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานโครงการสร้างเขื่อนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ที่มีปัญหาระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับรัฐบาลไทยในขณะนั้น นักข่าวท่านนั้นได้ถามพ่อว่า“หากโครงการเขื่อนดังกล่าวสำเร็จ นั่นคือชัยชนะจากการต่อสู้ใช่หรือไม่” พ่อกลับสงสัยและถามกลับไปว่า“ชัยชนะเหนือใคร ต่อสู้กับใคร” นักข่าวได้ขยายความสิ่งที่ถามพ่อว่า“ก็พวกคอมมิวนิสต์นั่นไง” พ่อรับฟังและตอบอย่างสุขุมว่า “ไม่ทราบ แต่สิ่งที่กำลังลงมือทำคือการต่อสู้และเอาชนะความหิวโหยของประชาชน ถ้าประชาชนที่นี่มีชีวิตที่ดีขึ้น ฝ่ายที่ท่านเรียกว่าคอมมิวนิสต์จะมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน” 1 คำตอบจากข้อคำถามดังกล่าวแสดงถึงปณิธานและปรีชาญาณของพ่อ ทั้งจุดประกายความคิดของข้าพเจ้าในการทำงานและยืนยันที่จะไม่ละทิ้งในการดำเนินรอยตามปณิธานของพ่อ ในการอุทิศตนเพื่อสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมและประเทศโดยไม่แบ่งแยก
ถึงแม้ว่าภารกิจการต่อสู้เพื่อเอาชนะความหิวโหยจะยากและดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แลดูเป็น“ปัญหาคลาสสิค” หรือ“ปัญหาอมตะนิรันดร์กาล” ในความคิดของข้าพเจ้าและใครหลายคน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็นจากการทำงานของพ่อคือความเพียร ความมุ่งมั่น จิตอันบริสุทธิ์และการใช้สติปัญญา ค้นหาวิธีการเอาชนะอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จในภารกิจดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยั่งยืน และโดยเฉพาะ“การขาดแคลนน้ำ” ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่นำความหิวโหยมาสู่ประชาชนในประเทศของเรา ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ถึงแนวความคิดอันคมคายของพ่อและถูกนำมาพัฒนาจนกลายเป็นวิธีการแก้ไขและบรรเทาปัญหาอย่างยั่งยืน เป็นความจริงที่ว่าต้องมีที่อยู่ให้น้ำและกระจายน้ำให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง แต่ถ้าไม่มีน้ำตั้งแต่แรกจะทำอย่างไร แม้ว่าเราจะช่วยกันปลูกป่าแต่ยังคงต้องอาศัยเวลาอย่างยาวนานกว่าจะกลับมาเป็นประเทศไทยที่ชุมชื้นและมีฤดูกาลที่แน่นอนจนทำให้เราบริหารจัดการน้ำได้ คำถามอย่าง “อยากให้ฝนตกจัง เมื่อไหร่ฝนจะตกสักที” เป็นคำถามคลาสสิกและอมตะนิรันดร์กาลของพวกเราบางส่วนที่อาจจะรอคอยการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำจนอาจจะสิ้นหวังไปแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งท่ามกลางความขาดแคลน เดือดร้อนและสิ้นหวัง พวกเราได้รู้จักกับคำว่า “ฝนหลวง” หรือฝนสั่งได้ซึ่งเป็นคำพูดติดปากของข้าพเจ้า แต่สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าหรือบางคนที่อาจคิดเหมือนกันคือพ่อเห็นปัญหา พ่อทำงานอย่างเงียบๆและพ่อไม่เคยทิ้งเรา พ่อกำลังหาทางช่วยอยู่กำลังหาทางบรรเทาปัญหาอยู่ ยิ่งเมื่อข้าพเจ้าได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับฝนหลวงจึงพบกับความจริงว่า พ่อมีแนวความคิดในการ “รวมเมฆบนท้องฟ้าบันดาลให้ตกมาเป็นฝน” ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๘ หรือ ค.ศ.๑๙๕๕ เพียง ๙ ปี หลังจากพ่อเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ หรือ ค.ศ.๑๙๔๖ ซึ่งหมายถึงพ่อได้ต่อสู้กับความหิวโหยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพวกเรามาก่อนหน้าที่นักข่าวดังกล่าวได้ถามพ่อมามากกว่าสองทศวรรษ พ่อผู้เปรียบเหมือนจอมทัพและบุคลากรผู้มีจิตอาสา ได้ร่วมกันค้นคว้า วิจัยและพัฒนา ทดลองปฏิบัติจริง จนได้วิธีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมรวมระยะเวลากว่า ๔๔ ปี ดังนั้นสิ่งที่พ่อทำและทางที่พ่อเดินจึงเห็นเป็นประจักษ์และไม่มีข้อสงสัยต่อข้าพเจ้า ประชาชนไทยและอาจถึงชาวต่างชาติ ว่าเป็นการกระทำเพื่อสร้างและอุทิศประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยแท้จริง
ถึงแม้ว่าถ้อยความจากประสบการณ์และความรู้สึกของข้าพเจ้า จะเป็นอีกหนึ่งเสียงเล็กๆที่เขียนเพื่อระลึกถึงพ่อของแผ่นดินของทั้งข้าพเจ้าและปวงชนชาวไทยที่อยู่บนฟ้า แต่ข้าพเจ้ายังมีความหวังเล็กๆเช่นกันว่าถ้อยความนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการจุดการประกายการทำความดีด้วยความเพียร มุ่งมั่น อุทิศตน ระดมสติปัญญาร่วมกัน มองข้ามความขัดแย้งเพื่อทำความดีเพื่อส่วนรวมและประเทศร่วมกัน สุดท้ายนี้หวังว่าพ่อที่อยู่บนฟ้าจะรับรู้ว่ายังมีลูกของท่านซึ่งข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด แต่อย่างน้อยหนึ่งในนั้นยังมีข้าพเจ้าที่จะเริ่มต้นอย่างจริงจังในการอุทิศตน ปฏิบัติตน ขยายผลและสืบสานสิ่งที่พ่อได้สร้างไว้ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีลมหายใจ

เขียนโดย "ศรัทธา"
ภาพและวีดีโอ