เปลี่ยนการแสดงผล
#น้ำดีไล่น้ำเสีย
21 มกราคม 2564 360 ครั้ง

#น้ำดีไล่น้ำเสีย
น้ำนับว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศน์ แต่น้ำที่จะนำมาใช้ได้นั้นต้องเป็นน้ำจืด จากการสำรวจพบว่าโลกมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักของโลกโดยกินพื้นที่มากถึงร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด หรือ 3 ใน 4 ของพื้นที่โลกใบนี้เลยทีเดียว
แต่น้ำที่มีอยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำเค็มซึ่งมีมากถึง 97.3% ของน้ำที่มีอยู่ทั้งโลกกระจายอยู่ในทะเลและมหาสมุทร ส่วนน้ำจืดมีอยู่เพียง 2.70% ในแหล่งต่างๆได้แก่ น้ำแข็ง น้ำผิวดิน และน้ำใต้ดิน ในขณะที่ร่างกายของเราเองก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 ของร่างกาย น้ำจึงมีความจำเป็นต่อร่างกายเราเป็นอย่างมาก

แต่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตมีข้อจำกัดในการบริโภคน้ำที่มีระดับความเค็มจำกัดในรูปคลอไรด์ต้องไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ถ้าหากเกินค่ามาตรฐานอาจมีผลกระทบต่อ ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคทางสมอง ผู้สูงอายุ และ เด็กเล็ก ดังนั้นหากน้ำมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการหรือไม่มีคุณภาพจะส่งผลกระทบต่อประชาชน 

สำหรับประเทศไทยนั้นมีปริมาณฝนและปริมาณน้ำท่าที่เกิดขึ้นในแต่ละปีไม่น้อยแต่เรายังจัดเก็บปริมาณน้ำที่เกิดจากฝนได้น้อย 
ปริมาณฝนตกเฉลี่ยต่อปีทั้งประเทศ ประมาณ 1,700 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้เกิดเป็น ปริมาณน้ำจากน้ำฝน ปีละประมาณ 800,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จะซึมลงใต้ดินและระเหยกลับไปสู่บรรยากาศ เหลือเพียง 200,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่อยู่ในแม่น้ำลำคลอง หนอง บึง โดยบ้านเราได้มีการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำขนาดต่างๆทั้งโครงการขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ที่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้เพียงประมาณ 70,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเศษ หรือประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำเฉลี่ยทั้งปี ส่วนที่เหลือไหลลงสู่ทะเล 

การพัฒนาแหล่งน้ำในแต่ละขนาดต้องมีขั้นตอนและระยะเวลาค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายหลายฉบับตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาผลกระทบของสิ่งแวดล้อม การสำรวจ ออกแบบ การเวนคืนที่ดิน และแม้กระทั่งขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างในการก่อสร้าง จึงเป็นปัญหาส่วนหนึ่งการขับเคลื่อนให้เกิดแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีการเก็บกักน้ำในปริมาณที่จะเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในประเทศสำหรับทุกภาคส่วน

ปริมาณน้ำเก็บกักที่มีอยู่ในปัจจุบันที่มีอยู่อย่างจำกัดจะถูกนำมาใช้ทั้งด้านการเกษตร อุปโภค-บริโภค อุตสาหกรรม และรักษาระบบนิเวศน์ซึ่งรวมถึงการผลักดันน้ำเค็มที่รุกล้ำเข้ามาในลำน้ำ
ทุกๆปีพวกเราจึงมักจะได้ยินข่าวว่าน้ำทะเลหนุนรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและการประปาที่มีค่าความเค็มเกินมาตรฐาน 

ด้วยพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริก่อสร้างเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อร่วมบริหารจัดการน้ำกับเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญของประเทศ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนหล่อเลี้ยงชาวเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครและใกล้เคียง 

ทุกๆปีเช่นเดียวกันเรามักจะได้ยินข่าวที่จะนำน้ำจากแหล่งน้ำที่พระองค์ทรงสร้างเหล่านี้ซึ่งถือว่าเป็นน้ำดีมาไล่น้ำเสียอย่างน้ำเค็ม
อย่างไรก็ตามพวกเราสามารถช่วยกันเก็บน้ำจากฝนที่ตกลงมากันอีกแรงหนึ่งก็จะช่วยกันแบ่งเบาภาระการขาดแคลนน้ำได้ในระดับหนึ่ง เหมือนในอดีตที่บรรพบุรุษของเราใช้ตุ่มรองรับน้ำฝนเก็บไว้กินไว้ใช้อีกทั้งยังสามารถประหยัดเงินในการซื้อน้ำมาอุปโภค บริโภคได้อีกด้วย

เขียนโดย "ฟ้าโปรย"
#ก่อนร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยควรที่จะช่วยตัวเองเสียก่อน

ภาพและวีดีโอ