เปลี่ยนการแสดงผล
#ดวงตาที่ไม่มืดบอด
24 มกราคม 2564 175 ครั้ง
#ดวงตาที่ไม่มืดบอด

สุนัขหรือหมา เป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์เป็นอย่างมาก ด้วยเพราะสุนัขมีความน่ารัก กตัญญู และเรียนรู้ตามคำสั่งของเจ้าของได้เป็นอย่างดี

สุนัขได้ถูกฝึกมาใช้งานต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุนัขลากเลื่อน สุนัขค้นหายาเสพติด สุนัขนำทางคนพิการ ฯลฯ

สุนัขนำทางคนพิการมี 3 ประเภทได้แก่ สุนัขช่วยเหลือคนพิการทางสายตา (Guide Dog) สุนัขช่วยเหลือคนพิการทางการได้ยิน (Hearing Dog) และสุนัขช่วยเหลือคนพิการทางร่างกายขาหรือแขน (Service Dog)

คุณสมบัติของสุนัขนำทาง
⁃ สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่มั่นคง ที่เกิดจากสถานการณ์ หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆได้ โดยไม่ตกใจ ไม่ข่มขู่ หรือหวั่นกลัว
⁃ สามารถอยู่ภายใต้คำสั่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง เข้าใจทั้งคำสั่งเสียง คำสั่งภาษามือ หรือทั้ง 2 อย่าง
⁃ สามารถอยู่ในรถสาธารณะ เช่น รถไฟ รถประจำทาง เครื่องบินได้อย่างสงบ สามารถนั่งรอให้ถึงเวลาขึ้น - ลงพาหนะต่างๆได้ รอจนเจ้าของออกคำสั่งให้ไป ไม่นำเจ้าของเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ในกรณีสุนัขนำทางคนตาบอดจะต้องรู้ว่าหยุดตอนไหน เดินไปยังทิศทางใด พร้อมกับสามารถป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะตอนข้ามถนน
⁃ สามารถอยู่บนท้องถนนที่มีเสียงดังรบกวนได้อย่างสงบ ผ่อนคลาย ไม่ตื่นตกใจกับเสียงแตรรถ รวมทั้งไม่ถูกหันเหความสนใจจากสิ่งเร้ารอบข้าง
⁃ สามารถแยกเสียงเตือนภัยออกจากเสียงรบกวนทั่วๆไปได้
⁃ สามารถจำชื่อเจ้าของได้ เมื่อมีคนเรียกชื่อเจ้าของสำหรับคนพิการทางการได้ยิน สุนัขสามารถเตือนเจ้าของให้รับรู้ได้ รวมทั้งสามารถช่วยอำนวยความสะดวกหยิบข้าวของตามคำสั่งให้แก่คนพิการทางร่างกายได้

แต่กว่าจะมาเป็นสุนัขที่จะนำมาช่วยผู้พิการได้นั้นต้องผ่านกระบวนฝึกและทดสอบมากมายได้แก่ การทดสอบให้อยู่ในที่สาธารณะ (A Public Access Test) การทดสอบการช่วยเหลือคนพิการทางร่างกายโดยเฉพาะสุนัขช่วยเหลือ (Service Dog) การทดสอบการนำทางโดยเฉพาะสุนัขนำทางคนพิการทางสายตา (Guide Dog) การทดสอบการได้ยินโดยเฉพาะสุนัขดูแลคนพิการทางการได้ยิน (Hearing Dog)

จะเห็นว่าคนพิการทางสายตานั้นสามารถมีเจ้าสุนัขเพื่อนยากที่ได้รับการฝึกฝนทดสอบว่าสามารถนำทางได้อย่างปลอดภัยเมื่อมีสิ่งกีดขวาง เช่น การข้ามถนน การมีสมาธิ การกล้าตัดสินใจ เป็นต้น ก็เปรียบเสมือนเป็นดวงตาให้เจ้านายนั่นเอง

สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงนั้นจะมีอากาศยานเป็นพาหนะในการนำสารฝนหลวง และนักวิทยาศาสตร์ขึ้นไปโปรยสารบริเวณพื้นที่ที่วางแผนไว้เพื่อก่อเมฆ เลี้ยงเมฆให้อ้วน และโจมตีตามขั้นตอนในตำราฝนหลวงพระราชทาน โดยมีนักวิทยาศาสตร์เป็นดวงตาให้กับทีมนักล่าเมฆเพื่อคอยสังเกตุสภาพเมฆ และให้สัญญาณในการเริ่มและหยุดโปรยสาร

ปัจจุบันได้มีการวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก สามารถประดิษฐ์อากาศยานไร้คนขับ(UAV) ประยุกต์ใช้กับภารกิจต่างๆมากมาย รวมถึงการวิจัยการใช้UAV กับการทำฝน โดยไม่มีนักวิทยาศาสตร์ขึ้นไปเป็นดวงตาให้ด้วย UAVจึงต้องอาศัยกล้องพร้อมทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือAI ช่วยเป็นดวงตาดูสภาพเมฆแทนนักวิทยาศาสตร์เพื่อสั่งการให้ระบบการปล่อยสารฝนหลวงในรูปแบบควันทำงาน

จะเห็นว่าทั้งสุนัข ทั้งกล้องและAI สามารถเป็นดวงตาให้มนุษย์ทำคุณประโยชน์ที่ดีได้มากมายอย่างน่ายกย่อง...

ดังนั้นหากคนที่ไม่ได้พิการทางสายตา แล้วไม่คิดที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคม เพราะเพียงแค่มีดวงตาที่มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน และความผิดของผู้อื่น แต่มืดบอดสนิทกับการกระทำของตนเอง หรือการกระทำของลูกหลานตนเองที่คอยแต่สร้างปัญหาให้กับสังคม นำมาซึ่งความเดือดร้อนต่อผู้อื่นอย่างในปัจจุบันแล้ว ก็สมควรที่จะอายหมา

เขียนโดย"ฟ้าโปรย"

#ถึงแม้ตาจะบอดแต่ใจไม่บอดย่อมร่วมสร้างสังคมที่ดีได้ 
ภาพและวีดีโอ