ดินดีสมเป็นนาสวน เพื่อนรักเราชักชวน ร่วมช่วยกันมุ่งหมั่นทำ” ประเทศไทยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ข้าว ปลา อาหาร สมบูรณ์ มีทั้งพืชผัก ผลไม้ เนื้อ นม ไข่ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ เลี้ยงคนภายในประเทศและยังส่งออกต่างประเทศในแต่ละปีปริมาณไม่น้อยเลย คนไทยจึงไม่มีวันอดถ้าขยันทำกิน โดยเฉพาะอาหารไทยดังไกลระดับโลก ไม่ว่าจะเมนูใด ชาวต่างชาติต่างพากันชื่นชอบและ ติดใจในรสชาติความจัดจ้าน กลมกล่อม และมีสีสันหน้าตาที่สวยงาม ประกอบกับความประณีต งดงามในการจัดแต่งจานและมีกลิ่นอายวัฒนธรรมไทย จนทำอาหารไทยขึ้นชื่อเป็นที่รู้จัก ได้แก่ ส้มตำ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น เป็นต้น
ยิ่งอาหารในรั้วในวังด้วยแล้ว ยิ่งมีความสวยงามวิจิตรบรรจง มีการแกะสลักผัก ผลไม้ เป็นเครื่องเคียงตกแต่งจานได้อย่างงดงาม จนมีกล่าวถึงในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) เพื่อชมฝีพระหัตถ์ในการแต่งเครื่องเสวยของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชิน ดังข้อความว่า “ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ”
ในความแตกต่างของภูมิภาค ยังทำให้อาหารไทยมีรสชาติแตกต่างกันไปตามพื้นที่ วัฒนธรรมและสภาพความเป็นอยู่ในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย ลำแต้ๆๆ ก็ต้องอาหารภาคเหนือ มีแคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ฯลฯ แซ่บหลายไม่แพ้ใครก็ต้องอาหารภาคอีสาน มีข้าวเหนียวส้มตำ ลาบ ก้อย ต้มเห็ด แจ่วบอง หม่ำ ไส้กรอกอีสาน ฯลฯ ถ้าเป็นความอร่อยแบบกลมกล่อม คงหนี้ไม่พ้นอาหารภาคกลาง ต้มยำ แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิ แกงส้ม พะแหนง ขนมจีนน้ำยา แกงมัสมั่น ห่อหมก ฯลฯ เผ็ดร้อนร่อยจังฮู้ ก็ต้องอาหารภาคใต้ แกงเหลือง คั่วกลิ้ง ผัดใบเหลียง น้ำพริกกุ้งเสียบ สะตอผัดกะปิ แกงไตปลา ข้าวยำ ขนมจีนน้ำยาใต้ ปลาทรายทอดขมิ้น ฯลฯ
ต่อกันด้วยผลไม้ไทยก็ไม่แพ้อาหารเลยสักนิด มีหลากหลายรสชาติ หอม หวาน มัน เปรี้ยว เป็นที่ถูกปาก ตามฤดูกาลวนเวียนทั้งปีไม่มีซ้ำ จนใครไม่เคยทานก็คงจะแปลก จะมีใครบ้างที่ไม่รู้จัก ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง มะม่วง มะพร้าว ลำไย ลิ้นจี่ ชมพู่ ฝรั่ง ส้มโอ กล้วย และมะขามหวาน ฯลฯ ผลไม้เหล่านี้ไม่เพียงแต่คนไทยที่ชอบ ชาวต่างชาติก็รู้จักและชื่นชอบผลไม้ไทยด้วยเช่นกัน มีทั้งผลไม้สด มีทั้งผลไม้แปรรูป ทีนี้เชื่อกันหรือยังว่าอยู่ประเทศไทยไม่มีอด ชอบแบบไหนเลือกทานกันได้เลย
กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่ อาหารคาวก็มา ผลไม้ก็มี จะขาดขนมหวานได้อย่างไร ต้องตามด้วยขนมหวานล้างปากกันสักหน่อย หอม หวาน มัน อร่อยแน่ๆ ต้องกล้วยบวชชี ขนมใส่ไส้ ขนมตาล ขนมครก บัวลอย ขนมชั้น ลูกชุบ ถั่วแปบ แกงบวชฟักทอง ลอดช่องแตงไทยน้ำกะทิ ข้าวเหนียวเปียกลำไย ข้าวเหนียวทุเรียน วุ้นกะทิ ข้าวต้มมัด สังขยา หม้อแกง ปลากริม เม็ดขนุน ฝอยทอง ฯลฯ ขนมหวานก็มีมากมายให้เลือก อันนั้นก็อร่อย อันนี้ก็ดี แต่ของหวานควรทานแต่พอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปเพื่อสุขภาพที่ดี เห็นด้วยแล้วใช่ไหมว่าคนไทยไม่มีวันอด มีทั้งอาหารคาว ทั้งอาหารหวาน แถมด้วยผลไม้ มากมายขนาดนี้ ไม่ให้รักเมืองไทยได้ไง
คนไทยโชคดี ที่ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในจานมีอาหารอร่อย ในใจมีรอยยิ้มสดใจ อิ่มอก อิ่มใจ คนไทยมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันซึ่งกันและกัน เราอยู่กันอย่างพี่น้อง ยามสุขเราสุขด้วยกัน ยามทุกข์เราก็ช่วยกัน หาไม่ได้จากที่ไหน #นอกจากที่นี่ประเทศไทย ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ได้เติบโตและใช้ชีวิตในประเทศไทย ได้ทานอาหารไทย ผลไม้ไทย ขนมไทย ได้ทำตัวเป็นประโยชน์เพื่อประเทศไทย กินอิ่ม นอนหลับเพราะที่นี่คือประเทศไทย อย่างนี้จะไม่ให้อ้วนได้ไง สุดท้ายอยากตะโกนดังๆ ให้ก้องฟ้า “เมืองไทยนี้ดี ... เรารักเมืองไทย”