เปลี่ยนการแสดงผล
สำหรับเรื่องความรักต้องสร้างพื้นฐานคือ"การให้" #พลังแห่งความรัก
22 กุมภาพันธ์ 2564 133 ครั้ง
พลังแห่งความรัก

         ....หยาดน้ำค้างในยามเช้า กับลมหนาวจับใจ...สายลมโชยอ่อน พัดพาความรักฉันไป ส่งถึง ใจเธอที.....  เสียงบรรเลงเปียโนหวานละมุนเข้ากับบรรยากาศอันหนาวเย็นในตอนเช้าของเดือนแห่งความรัก 
มนต์เสน่ห์แห่งเสียงดนตรี แม้ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เพียงแค่ท่วงทำนอง ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด โป๊ง โป๊ง!! เสียงโหม่งทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ เสียงนี้ทำให้ทุกคนรู้ว่าพระกำลังมาบิณฑบาตแล้วหล่ะค่ะ ต้องรีบเตรียมของใส่บาตรวันนี้เป็นวันพระด้วยคงต้องเตรียมกับข้าวอาหารคาวหวานอีกชุด พร้อมสังฆทานเพื่อไปทำบุญที่วัดให้กับผู้ล่วงลับ( แน่แล้วค่ะ ฉันเป็นพุทธศาสนิกชนที่ค่อนข้างปฏิบัติตามแนวคำสอนของศาสนา เนื่องด้วยถูกบ่มเพาะขับเคี่ยวเรื่องธรรมจากพระครูตั้งแต่ประถมด้วยโรงเรียนอยู่ติดวัดโตมากับวัดก็ว่าได้ค่ะหลักธรรมคำสอนมีอยู่หลายอย่างส่วนใหญ่พระครูจะเน้นเรื่อง การทำความดี ละเว้นความชั่ว, ทาน ศีล ภาวนา, พรหมวิหาร 4 และเรื่องความกตัญญูกตเวที 

         สำหรับเรื่องความรักต้องสร้างพื้นฐานคือการให้เพื่อขจัดอัตตา สร้างพลังความรักด้านดีคือการให้ที่มิใช่ด้วยเงินทองอย่างเดียวให้โดยไม่หวังผลตอบแทน แบบความเมตตากรุณา เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นสังคมจึงจะน่าอยู่) หลังจากใส่บาตรหน้าบ้านเรียบร้อย ก็ตรงดิ่งจัดแจงเตรียมของไปทำบุญที่วัดระหว่างทางได้เจอคุณยายท่านหนึ่งกำลังเดิน เลยจอดรถถามสรุปว่าคุณยายจะไปตลาดจากจุดนี้ไปตลาดระยะทาประมาณ 3 กิโลเมตรด้วยแดดที่ร้อนและคุณยายอายุมากแล้วหากเป็นเราก็คงเดินได้สบาย เลยตัดสินใจอาสาไปส่งพอถึงที่หมายคุณยายก็ให้พร ส่งยิ้มให้กันแทนการบอกลา ใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัดเป้าหมายจัดแจงในการถวายสังฆทาน ได้ตระเตรียมชื่อผู้ล่วงลับซึ่งฉันตั้งใจจะทำบุญให้ ถึงแม้บางท่านจะไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติหนึ่งในนั้นคือ ลุงโก๋ ลุงโก๋เป็นผู้อาวุโสที่ทำงานบริษัทวัสดุก่อสร้างมาอย่างยาวนาน(ส่วนฉันเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่ปี) คุณลุงไม่ยอมพักเกษียณอยู่บ้านเหตุผลคำเดียว คือ อยู่บ้านแล้วเหงา 

         มีเหตุการณ์หนึ่งที่ลุงโก๋ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะโดนท่อไอเสียรถแต่ใช้ยาผิดหมอทำการขูดเนื้อที่เสียออกทั้งหมดและต้องนอนอยู่ห้องปลอดเชื้ออยู่เป็นเดือน ขอบอกก่อนว่าคุณลุงอยู่บ้านคนเดียว ลูกไปทำงานต่างจังหวัดนานๆถึงจะกลับและไม่สามารถลางานกะทันหันได้ ฉันเลยคุยกับเพื่อนว่าเดี๋ยวจะซื้อของใช้ที่จำเป็นไว้ให้ใช้ก่อนแล้วสอบถามคุณหมอเรื่องของกินว่าสามารถทานอะไรได้บ้างแล้วตระเตรียมของมาฝากไว้ที่เคาเตอร์ เพราะห้องปลอดเชื้อจะมีเวลาให้เข้าเยี่ยม วันถัดมาหลังเลิกงานฉันชวนเพื่อนไปเยี่ยมลุงโก๋และไม่ลืมที่จะซื้อของฝากเจ้าหน้าที่ด้วย พอถึงหน้าห้องปลอดเชื้อต้องเปลี่ยนสวมชุดที่ทางโรงพยาบาลที่เตรียมไว้ให้ พอก้าวเข้าไปในห้องเห็นลุงโก๋หน้าจ๋อยๆฉันยิ้มภายใต้แมส เห็นแค่ดวงตา คนป่วยจำไม่ได้จ้าว่าเป็นใครฉันและเพื่อนแอบแง้มแมสอออกพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจคุยกันสนุกสนานอยู่นาน แอบดูนาฬิกาใกล้เวลาจะต้องกลับแล้ว ฉันแตะไปที่มือของลุงโก๋ บอกว่า “หายไวๆนะหนูกับเพื่อนจะมาเยี่ยมทุกวัน ทำตามที่หมอบอกนะคะจะได้หายไวๆ ที่สำคัญ ทานไข่ให้เยอะๆนะเนื้อจะได้เต็มเร็วหนูสองคนต้องกลับแล้วพรุ่งนี้จะมาหาใหม่นะ” แอบเห็นลุงโก๋น้ำตาซึมขอทิชชูซับน้ำตา เลยแซวได้เสียงหัวเราะคลายความเศร้าไป..นึกแล้วก็คิดถึงลุงโก๋ เวลาย้อนกลับไม่ได้..

          ..มาร่วมสร้างความรักและส่งต่ออานุภาพพลังแห่งความรักต่อคนรอบข้างเพื่อทำให้สังคมเราน่าอยู่กันนะคะ...

เขียนโดย “จันทร์กลางใจ”
ภาพและวีดีโอ