#พลังแห่งความรักและศรัทธา

น้ำนับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกษตรกรไม่แพ้อากาศที่มีความสำคัญกับทุกสิ่งมีชีวิต... หากขาดน้ำ...เกษตรกรก็ไม่สามารถดำรงอาชีพของตนได้...เพราะทุกอาชีพด้านการเกษตรมีความจำเป็นต้องใช้น้ำไม่มากก็น้อย ฝนหยาดแรกของทุกปีจึงเปรียบเสมือนของขวัญอันล้ำค่าที่สร้างรอยยิ้มให้กับพี่น้องเกษตรกรได้เป็นอย่างดี...ความผูกพันของเกษตรกรกับฝนและสายน้ำเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งที่ไม่สามารถขาดจากกันได้เลย เสมือนแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของพี่น้องชาวลุ่มเจ้าพระยาอย่างมิเคยขาดสายความผูกพันกับสายฝน สายน้ำจึงก่อเกิดประเพณีขึ้นมากมาย อาทิเช่น ลอยกระทง การแข่งเรือยาว การแห่มาลัยข้าวตอก เป็นต้น หลายคนคงเริ่มสงสัย"มาลัยข้าวตอก" เกี่ยวข้องอะไรกับประเพณีทางน้ำ

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับประเพณีดังกล่าวผ่านอาสาสมัครฝนหลวงดีเด่นระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประจำปี ๒๕๖๓ กัน
พี่ประมวล เจนร่วมจิตร หรือพ่อกำนันหมี ของชาวตำบลลุมพุก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร เป็นอาสาสมัครฝนหลวงตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เข้ามาเป็นอาสาสมัครฝนหลวงได้คอยช่วยประสานกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝนหลวงที่จ.ขอนแก่น และบุรีรัมย์เพื่อให้ข้อมูลการเพาะปลูก และประสานขอความร่วมมือในการทำฝนให้กับพี่น้องเกษตรกรจังหวัดยโสธร ในช่วงฝนทิ้งช่วงเพื่อให้นาข้าวและพืชไร่ไม่เกิดความเสียหาย มาอย่างต่อเนื่องทุกปี... พี่กำนัน ของเรามีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้มีผลผลิตที่ดี ด้วยการสื่อสารผ่านรายการวิทยุชุมชนที่ตนจัดตั้งขึ้น ไม่เพียงแค่ความรู้ในเรื่องการทำฝนหลวงเท่านั้น ยังให้ความรู้ในการส่งเสริมการเกษตรในด้านต่างๆรวมทั้งการส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

ชาวยโสธรถือเป็นแนวหน้าในการผลิตข้าวอินทรีย์ของประเทศ บางคนก็อาจจะสงสัยว่าแล้วใช้น้ำฝนจากการทำฝนหลวงซึ่งใช้สารฝนหลวงอันเป็นสารเคมีนั้นจะเป็นข้าวอินทรีย์ได้อย่างไร?
อยากให้ท่านผู้อ่านทุกท่านเข้าใจด้วยกันว่า กรมฝนหลวงฯได้มีการทำการวิจัยเก็บตัวอย่างน้ำฝนที่เกิดจากธรรมชาติและฝนที่เกิดจากการทำฝนหลวงทุกปีเพื่อวิเคราะห์คุณภาพของน้ำฝน...พบว่าคุณภาพน้ำฝนจากทั้งสองแหล่งไม่เกิดความแตกต่างกัน สารปนเปื้อนในน้ำฝนทั้งสองแหล่งไม่เกินค่ามาตรฐานน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคขององค์การอนามัยโลก กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย หลังการเก็บเกี่ยวข้าวทุกปีชาวยโสธรจะนำข้าวเปลือกมาคั่วผ่านความร้อนให้แตกเป็นข้าวตอก...เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันมาฆบูชา...เป็นการรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระพุทธองค์ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นของสูงที่มนุษย์จะขาดไม่ได้ และจะได้เป็นสิริมงคลในฤดูกาลผลิตถัดไป...
ต่อมาเพื่อความสวยงามชาวอำเภอมหาชนะชัย ได้ร่วมกันประดิษฐ์ตกแต่งเป็นมาลัยที่สวยงาม เป็นที่มาของ “มาลัยข้าวตอก” ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ทุกๆปีในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ก่อนวันมาฆบูชา ๑ วัน ชาวอำเภอมหาชนะชัยจะออกมาร่วมกันแห่ขบวนรถที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยมาลัยข้าวตอกในรูปแบบ"มาลัยข้อ" และ "มาลัยสายฝน" ไปทอดถวาย ณ วัดหอก่อง หากทุกท่านได้มายืนอยู่ณ บริเวณขบวนแห่มาลัยข้าวตอกนี้ จะทึ่งในความมุมานะ เพียรพยายามของพี่น้องชาวอำเภอมหาชนะชัย เพราะด้วยความเคารพรักและศรัทธาที่มีต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้พร้อมใจกันนำข้าวตอกเมล็ดเล็กๆที่ขาวบริสุทธิ์ซึ่งเป็นผลผลิตจากข้าวเปลือกที่ได้รับการเติมเต็มจากน้ำพระราชหฤทัยของพระบิดาแห่งฝนหลวงที่อยู่บนฟ้า มาร้อยเป็นมาลัยที่มีความสวยงามตระการตา ประดับประดาเป็นรูปทรงต่างๆบนขบวนรถ 
เมื่อขบวนแห่เริ่มเคลื่อนขบวน สายมาลัยได้พริ้วไหวดั่งสายฝนเมื่อยามต้องลม และบรรดาเหล่าสาวงามที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองจำนวนมากประดุจนางฟ้าจากสวรรค์มาร่ายรำนำหน้าขบวนได้อย่างอ่อนช้อยสวยงามพร้อมเพรียงกันจนรู้สึกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ประหนึ่งตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน... ทำให้หวนระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญๆใน
สมัยพระพุทธกาลซึ่งรวมถึงวันมาฆบูชา ที่ "ดอกมณฑารพ"...อันเป็นดอกไม้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษจะร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพและศรัทธาอย่างสูงสุดทุกครั้งกับเหตุการณ์สำคัญๆ ครั้นพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน "ดอกมณฑารพ" ก็ได้ร่วงหล่นทั้งกิ่ง ก้าน ลงมาหมดสิ้นด้วยความโศกาอาดูรเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นั้นมา "ดอกมณฑารพ" ก็ไม่เคยร่วงหล่นสู่เมืองมนุษย์อีกเลย... แม้วันนี้จะไม่มี "ดอกมณฑารพ" ร่วงหล่นลงมาเคารพบูชาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคย แต่ชาวอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ยังคงร้อยรัก ร้อยดวงใจ ร่วมกันร้อยมาลัยข้าวตอกเป็นพุทธบูชา สืบทอดกันมาเป็นเวลาข้านาน และจะร่วมกันสืบทอดต่อไปตราบนิรันดร์...
เขียนโดย "หลงเมฆ"
#ความรักและศรัทธาสร้างพลังได้อย่างอัศจรรย์