เปลี่ยนการแสดงผล
ด้วยรักและผูกพัน
6 มีนาคม 2564 312 ครั้ง
ด้วยรักและผูกพัน 

          หวูด...หวูด...หวูด...เสียงรถไฟดังใกล้เข้ามา “ขณะนี้รถเร็วขบวนที่ 136 จากสถานีอุบลราชธานีได้เดินทางมาถึงสถานีกรุงเทพฯ แล้ว ท่านผู้โดยสารโปรดตรวจดูสิ่งของและจัดเตรียมสัมภาระของท่านลงจากขบวนรถ.....”  เสียงจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟแจ้งเตือนผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถไฟ ท่ามกลางผู้คนที่ทยอยเดินลงจากรถไฟ พ่อและลูกสาวคู่หนึ่งต่างกุลีกุจอจัดสัมภาระหอบหิ้วข้าวสารอาหารแห้งจากบ้านเกิดมากักตุนไว้  เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในเมืองหลวง  ถึงแม้ว่า...อากาศช่วงเช้าประมาณตี 5 จะไม่ร้อนมากนัก แต่เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามศีรษะและลำตัวของผู้เป็นพ่อ ซึ่งอายุ 60 กว่าๆ ที่ใช้พละกำลังแบกกระสอบข้าวสารขึ้นบ่า ส่วนลูกก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้าและอาหารแห้ง  สองคนพะรุงพะรังเดินไปเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้าน  จากหัวลำโพงผ่านมาถึงแยกยมราชลูกสาวเห็นพ่อเงียบไปจึงได้ปลุกพ่อให้บอกเส้นทาง  แต่พ่อเงียบ!! ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากผู้เป็นพ่อ ลูกสาวมือไม้สั่นไปหมดเอามืออังที่จมูกพ่อ พ่อไม่หายใจ จากเส้นทางมุ่งสู่บ้านเปลี่ยนเป็นไปโรงพยาบาลทันที ร่างที่ปราศจากการเต้นของหัวใจ เข้าไปอยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลศิริราช  ลูกสาวติดต่อพี่ๆ ให้ทราบเรื่องแล้วมาพร้อมกันที่โรงพยาบาลในทันที

         ณ ขณะนั้นเวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้ หมอเข้ามาบอกว่า “หมอปั๊มหัวใจของคุณลุงขึ้นมาได้แล้วนะแต่คุณลุงยังไม่รู้ตัว  เดี๋ยวจะส่งคุณลุงไปห้อง CCU ซึ่งจะเน้นรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะ”  หลังจากย้ายเข้าห้อง CCU  คุณหมอตรวจร่างกายของพ่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เรียกญาติเข้าไปเพื่อฟังผลการตรวจ  คุณหมอบอกว่า “คุณลุงป่วยเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ   ซึ่งตอนนี้หมอได้ช่วยจากการหัวใจหยุดเต้นแล้ว แต่คุณลุงยังไม่รู้สึกตัว  ในช่วงเวลาที่คุณลุงหัวใจหยุดเต้น สมองก็ขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ทำให้เซลล์สมองตาย กรณีแบบนี้หมอตอบไม่ได้ว่าคุณลุงจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่  ขึ้นอยู่กับตัวของคุณลุงเอง ซึ่งกรณีแบบนี้จะเป็นไปได้ 2 ทาง คือ 1.ถ้ารู้สึกตัวขึ้นมาก็อาจจะสูญเสียความทรงจำเนื่องจากคุณลุงหัวใจหยุดเต้นไปหลายนาทีเลือดไม่ไปเลี้ยงสมองทำให้สมองได้รับความเสียหายต้องประเมินอีกครั้งถ้าฟื้น  2.แต่ถ้าภายใน 7 วันนี้ถ้าคุณลุงไม่รู้สึกตัว ก็จะไม่รู้สึกตัวตลอดไปคือเป็นภาวะเจ้าชายนิทรา  แต่หมอก็ให้กำลังใจว่า “ตอนนี้ยังมีโอกาสที่คนไข้จะฟื้นขึ้นมา ให้ลูกๆ ส่งพลังใจและพลังแห่งความรักความผูกพันไปให้พ่อ เรียกให้พ่อกับมา  ด้วยความรักที่พ่อมีให้กับลูก อยากกลับมาอยู่กับลูก ๆ ก็อาจจะช่วยให้เขาได้กลับมาฟื้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็ได้นะ”     

          เมื่อลูกรับฟังเรื่องทั้งหมดจากหมอ  ทุกคนสวมกอดกันโดยไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินอาบแก้มของแต่ละคนอย่างไม่ขาดสาย  พ่อไม่เคยบอกว่ามีอาการอะไร ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากอย่างไม่ทันตั้งตัว  ทุกวันลูกๆ ทั้งหมด ร่วมกันดูแลพ่ออย่างดีที่สุดจะไปเยี่ยมพ่อซึ่งยังไม่มีสติอยู่ในห้อง CCU โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อจะตื่นพื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ก่อนไปที่โรงพยาบาล ลูกๆ ทุกคนรวมพลังของหัวใจแห่งความรัก ทำทุกทางเพื่อให้พ่อรู้สึกตัว จุดธูปบอกกล่าวขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ สวดมนต์ ภาวนาให้พ่อฟื้นตื่นขึ้นมาด้วยบทสวดมนต์ “โพชฌงคปริตร”  เพราะเชื่อว่าเป็นบทสวดเพื่อให้เกิดอานุภาพสามารถรักษาคนให้หายป่วยได้ จากพระไตรปิฎกที่กล่าวถึง เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ หลังจากนั้นพระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้ในที่สุด เมื่อพระพุทธเจ้าเองประชวร จึงตรัสให้พระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ถวาย ซึ่งพบว่าพระพุทธเจ้าก็หายประชวร  พวกเราจึงเชื่อกันว่าพุทธมนต์บทนี้ สวดแล้วช่วยให้หายโรค ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นธรรมเกี่ยวกับปัญญาธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน ลูกไปนั่งข้างๆ เตียงสวดมนต์บทที่พ่อเคยสวดตอนเช้าทุกวันให้พ่อฟัง พูดคุยกับพ่อถึงเรื่องรวมต่างๆ ที่ผ่านมาและที่จะทำด้วยกัน ที่ข้างหูพ่อทุกวันๆ  ถึงแม้พ่อจะไม่ตอบสนองใดๆ ก็ตาม แต่ลูกๆ ก็เชื่อว่าพ่อต้องกลับมา  

         เข้าสู่วันที่ 7  วันสุดท้ายแล้วนะพ่อ หลังจากสวดมนต์ให้พ่อฟังเสร็จ เราจับมือพ่อและไปกระซิบที่ข้างหูของพ่อ “ พ่อครับวันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ พ่อจะทิ้งลูกไปแล้วจริงๆ หรอ ลูกไม่มีใครอีกแล้ว แม่ก็จากพวกเราไปแล้ว เหลือพ่อแค่คนเดียว ตื่นขึ้นมานะพ่อ ตื่นมาอยู่กับลูกเป็นกำลังใจให้ลูก ๆ นะ” หลังจากพูดจบไปได้สักพัก สิ่งที่เราคาดหวังสูงสุดก็เกิดขึ้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เหมือนในละครเลย ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆ พ่อขยับมือทีละนิดๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่พ่อพูดกับเราประโยคแรก “ พ่อไม่ตายหรอกลูก เราจะอยู่ด้วยกัน ” น้ำตาของลูกผู้ชายหลั่งรินจนเปียกชุ่มเสื้อ ลูกสวมกอดพ่อด้วยดีใจอย่างบอกไม่ถูก ยกมือพนมนิ้วไหว้ไปรอบๆ ตัว เราเชื่อว่าพลังแห่งความรักความผูกพันและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง 

          จากวันนั้นถึงวันนี้ 20 กว่าปีแล้ว ปัจจุบันพ่อจากพวกเราไปแล้วด้วยวัฏจักรของชีวิตย่อมเปลี่ยนไปตามวัย แต่ความทรงจำที่เรามีต่อพ่ออันเป็นที่รักไม่เคยลืมเลือน พลังแห่งความรักความผูกพันที่ลูกมีต่อพ่อและพ่อที่มีต่อลูก  ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธาและด้วยความเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย ครั้งหนึ่งส่งผลให้ก่อเกิดสิ่งมหัศจรรย์ในช่วงหนึ่งของชีวิต

เขียนโดย "เจริญพร"
ภาพและวีดีโอ