#พลังแห่งความรัก

          ใกล้หมดเดือนแห่งความรัก หรือเดือนกุมภาพันธ์ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้เขียนจึงขอร่วมกิจกรรมส่งบทความ #พลังแห่งความรัก กิจกรรมดีๆ ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมแห่งความหวังของพี่น้องเกษตรกรที่ต้องพึ่งพิงน้ำฝนในการทำการเกษตร ยืนหนึ่งเพื่อช่วยแก้ปัญหาและบรรเทาสภาวะความแห้งแล้งให้กับเกษตรกร ตามศาสตร์ฝนหลวงพระราชทาน ซึ่งมอบพลังแห่งความรักและความปราถนาดีให้แก่เกษตรกรไทย ฝ่าฟันปัญหาความแห้งแล้งไปด้วยกัน...

         วันนี้ผู้เขียน ขอนำเสนอพลังแห่งความรักแบบไทยๆ  ที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ จากรุ่นสู่รุ่น ผ่านสำนวนสุภาษิตไทย และคำพังเพยต่างๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ เริ่มต้นด้วยสุภาษิตไทยที่คลาสสิคมาก "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" ที่เปรียบเปรยว่า ถ้ารักวัวให้ผูกไว้ แม้วัวจะไม่ชอบก็ตาม เพื่อไม่ให้วัวถูกขโมย หรือหนีหายไป และหากรักลูก เมื่อลูกทำผิดก็จะต้องตี เพื่อลูกจะได้เติบโตเป็นคนดีต่อไปในอนาคต หลายคนอาจมองว่า เอ๊ะ! เดี๋ยวนี้ รักลูกยังมีการตีลูกแบบนี้อยู่อีกเหรอ มันจะล้าสมัยไปมั้ย แต่ก็มีข่าวมาบ่อยๆ ที่เด็กตัวเล็กๆ บ้าง เด็กนักเรียนบ้าง ที่โดนตีโดนลงโทษ ฟังแล้วก็ทำให้ชวนเศร้าใจและสงสารเด็กๆ เหลือเกินนะครับ แต่เราก็ไปโทษสิ่งที่เราถูกสั่งสอนมาจากคนรุ่นเก่าตามสุภาษิตไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้ว เป้าหมายหรือความหมายของสุภาษิตดังกล่าว คือการอบรมสั่งสอนอบรมให้ลูก รู้รับผิดชอบชั่วดี เมื่อทำผิดก็ต้องรับผิด อาจจะมีบทลงโทษบ้าง แต่การลงโทษไม่จำเป็นต้องตีลูกครับ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับ สำหรับผู้เขียนเป็นคนช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคเบบี้บูมเมอร์ มาจนถึงยุคปัจจุบัน ตอนเด็กๆ ก็โดนตีมาเยอะเหมือนกันครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้เห็นว่า นั่นคือความรักของพ่อกับแม่ที่ให้เราหล่ะครับ ที่จะให้เราเติบโตเป็นคนดี และมีจิตใจที่เข้มแข็งในการดำเนินชีวิต แต่ปัจจุบันผู้เขียนเองก็กำลังเลี้ยงลูกชาย วัยกำลังซน และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซี่งเป็นวัยกำลังน่ารัก น่าหยิกน่าตี สะจริงๆ แต่ผู้เขียนเองตั้งใจว่าจะไม่ตีลูกนะครับ เพราะเราสามารถมอบความรัก อบรมสั่งสอนลูกได้อีกหลายวิธี และได้ผลดีมากกว่าก้านมะยมในมือ จริงมั้ยครับ...

          อีกสุภาษิตนึงที่ผู้เขียนมองว่าสามารถนำมาใช้ได้ทุกยุคสมัย ไม่ต้องมาถกเถียงความถูกผิดกันในโลกยุคดิจิทัล ทรานซิชั่น ก็คือ "รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ" ซึ่งหมายความว่า หากต้องการมีความรัก อยู่ด้วยกันนานๆ ก็ให้รู้จักการให้อภัย และให้บั่นความคิดอาฆาตพยาบาทออกไป แต่หากคิดจะรักกันสั้นๆ ให้คิด (ต่อ) ความเคียดแค้นกันเข้าไว้ อันนี้หล่ะครับที่ผู้เขียนคิดว่า เป็นพลังแห่งความรักอย่างแท้จริง เพราะหากเราจะเริ่มรักใครสักคนอย่างจริงจัง เราก็ควรพร้อมที่จะให้อภัยเค้าอย่างเต็มใจ เพื่อที่จะให้เป็นความรักอย่างยืนยาวนั่นเอง ดังนั้น เมื่อรู้จักที่จะรักแล้ว ก็ควรจะรู้จักการให้อภัยด้วย สังคมไทยก็จะน่าอยู่มากยิ่งขึ้นครับ ....

         สุดท้ายนี้ ผู้เขียนก็ขอรักกรมฝนหลวงและการบินเกษตร แบบยาวๆ นะครับ และขอเป็นกำลังใจให้ทีมงานของกรมฯ ช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร จากปัญหาภัยแล้งให้ประสบผล สำเร็จในทุกๆ พื้นที่ครับ 

เขียนโดย ' สายลมแห่งรัก'