15 กรกฎาคม 2564
240
ครั้ง
คำว่าอาชีพในฝันของผม ทำให้ย้อนนึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียน เวลามีใครถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบของผมอยากเป็นคุณหมอคับ เหตุผลเดียวคือเคยเห็นแม่ป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ภาพที่แม่นอนบนเตียงคนไข้ เห็นแล้วเศร้ามาก ไม่รู้ว่าแม่เจ็บตรงไหนเจ็บปวดมากไหม ได้แต่เข้าไปจับมือเป็นกำลังใจให้แม่สู้ๆ ถ้าเวลาพ่อแม่ป่วยผมอยากเป็นคนดูแลรักษา ความคิดในแวบนั่นคือผมต้องเป็นหมอ ผมจะดูแลพ่อแม่ได้ดีที่สุด พ่อแม่ต้องอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่า คำตอบในวัยเรียนอาจเป็นคำตอบที่อยากเป็นจริงๆ กับรู้สึกว่าเป็นแล้วดี แต่พอโตขึ้นกับความฝันเล็กๆที่คิดจะรับใช้ชาติ ได้ช่วยเหลือประชาชน มันผุดขึ้นมา อาชีพที่ผมชอบกลับเป็นข้าราชการ และผมเลือกอาชีพนี้เพราะมีความมั่นคงในอาชีพและเป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่ จนในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่การรับราชการ และคำสอนที่ผมมักเตือนใจตัวเองเสมอในการปฏิบัติหน้าที่ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม 2536
“ งานทุกอย่างมีบุคคลซึ่งมีชีวิตจิตใจ มีความนึกคิดเป็นผู้กระทำ ถ้าผู้ทำมีจิตใจไม่พร้อมจะทำงาน เช่น ไม่ศรัทธาในงาน ไม่สนใจผูกพันกับงาน ผลงานที่ทำก็ย่อมบกพร่อง ไม่คงที่ ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติมีศรัทธา เข้าใจซึ้งถึงประโยชน์ของงาน พร้อมใจและพอใจที่จะขวนขวายปฏิบัติงานโดยเต็มกำลังความสามารถ งานจึงจะดำเนินไปได้โดยราบรื่น และบรรลุผลตามที่มุ่งหมาย”
เมื่อก้าวเข้าสู่ระบบราชการ นอกจากงานประจำที่ผมได้รับมอบหมายแล้ว ยังมีกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม ซึ่งทำให้ผมมีความสุขมาก ผมมีโอกาสไปเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "ในหลวงรัฐกาลที่ 10" โดยพระราชทานโครงการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้พสกนิกรชาวไทยทุกคน มีความเสียสละ และความสมัครสมานสามัคคี ในการสร้างสรรค์ความดี เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เป็นกิจกรรมที่มีส่วนช่วยเหลือสังคม ทุกคนมาด้วยใจ มีความร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน กิจกรรมแรกที่ผมไปร่วมเป็นการเก็บขยะรอบชายหาด เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามรองรับนักท่องเที่ยว กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เช้าจบตอนเย็น ทุกคนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เป็นการทำงานที่ไม่ต้องมีคนมาบอกว่าต้องทำอะไร จบงานทุกคนรู้สึกปลื้มใจกันถ้วนหน้า กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมชอบมาก คือการปลูกต้นไม้ ผมมองว่าเมืองไทยของเราต้นไม้ลดลงไปมาก อันเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า การใช้ที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ปัญหาโลกร้อนจึงเกิดขึ้นตามมา การร่วมปลูกป่าในครั้งนี้ แม้ต้องใช้ระยะเวลาหลายปี ที่ต้นไม้จะเติบโต แต่ถ้ามองแค่มุมเล็กๆ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย การส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการปลูกต้นไม้แบบยั่งยืน เพื่อเมืองไทยของเราจะได้กลับมาเขียวชอุ่มเหมือนอดีตที่ผ่านมา
และในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ โรคโควิด 19 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปซะแล้ว ไม่ว่าเราจะไปทำงาน ไปซื้อของใช้ ทุกๆที่ ๆ เราไปมีความเสี่ยงพบเจอ และติดเชื้อมาได้โดยไม่รู้ตัว เมื่อฟังข่าวทุกวัน จิตใจก็หดหู่ทุกวัน แต่ในความวิตกกังวลนั้น ยังมีเพียงอย่างหนึ่งที่อยากขอบคุณจากใจจริงคือบุคลากรทางการแพทย์ ทุกท่านเสียสละโดยแท้จริง ทำงานไม่หยุดเพื่อให้คนไทยได้หายกลับบ้านไปพบครอบครัว คงมีน้องๆหลายคนที่ใฝ่ฝันอาชีพนี้ และอาชีพหมอเองก็เป็นความใฝ่ฝันของผมด้วย แม้ผมไม่ได้เป็นหมอ แต่ผมก็ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คุณหมอทุกท่าน เพื่อก้าวข้ามวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน
หมอไทยในยุคโควิด ทำงานแข่งกับเวลาไม่ได้กลับบ้านไปเจอญาติพี่น้อง ต้องเป็นผู้เสียสละ ดูแลคนไข้เหมือนญาติตัวเอง ภูมิใจมากที่หมอไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก ขอบคุณที่หมอไม่ทิ้งกัน อยู่เคียงข้างยามทุกข์ยาก ถ้าคนไทยเราเคารพกฎระเบียบ การเว้นระยะ การสัมผัสใกล้ชิดกันของผู้คนในสังคมลงให้ได้ เราก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้มันน้อยลงได้ หวังว่าโควิดจะหายจากเมืองไทยเร็ววันนี้นะครับ
เขียนโดย "นิวตรอน"