ขนมไทยอร่อยปาก อิ่มถึงใจ
อิฉันล่ะหมั่นไส้บรรดาพวกนิยมขนมฝาหรั่งมานานนม โดยเฉพาะในยุคนี้ พ.ศ. 2564 ที่ร้านขนมฝาหรั่ง แพร่ระบัดในเมืองไทย ทั้งที่ไอ้เจ้าขนมฝาหรั่ง ส่วนผสมก็วนไปเวียนมามีแต่ แป้ง นม ไข่ เนย น้ำตาล เกลือ หรือไม่ก็ เนย น้ำตาล ไข่ แป้ง หรือเอาแบบมีส่วนผสมเพิ่มเข้ามาอีกนิส ก็เอ้า แอปเปิ้ล ฟักทอง ผลไม้แห้ง ก่อนจะจบที่ เค้ก พาย ทาร์ต ขนมปัง หรือล่าสุดที่ฮิตๆก็ครัวซองค์ แถมราคาก็หลายอัฐทีเดียวละเจ้าค่ะ แต่ก็อ่ะนะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของรสนิยม มีสตางค์จะกินอะไรก็ได้ ...ยู อันเดอร์ แสตน์ ด้วยนะ(แม่เจรียง) ความฝันของอิฉัน ที่นานมาแล้ว ก็คือแม่ค้าขนมหวาน( ขัดกับนิสัยอันอ่อนหวาน) ด้วยความที่อยู่กับคนหลายช่วงวัย และแต่ละก็คนก็ล้วนนักกินตัวยงทั้งคาว หวาน แถมเป็นนักเลือก นักซื้อตัวฉกาจ ประเภทหยิบใส่ถุง ห้ามเลือก ห้ามเปิด ห้ามดม ที่บ้านไม่ปลื้มค่ะ เราไม่ซื้อ ไม่ง้อ เพราะต้องเลือกของดีเท่านั้น อิฉันโชคดีเลยได้ความรู้ในการเลือกวัตถุดิบติดตัวมาตั้งแต่เด็ก สารพัดพริก น้ำตาล น้ำปลา กะปิ มะพร้าว ข้าวสารอาหารแห้ง (ขอชมตัวเองนะเจ้าคะเพราะเราต้องสรรเสริญครูคือยาย ป้า น้า อา ที่สั่งสอนมาค่ะ ส่วนแม่ ชอบอาหารคาว และทุเรียน เลยไม่ค่อยสั่งสอนด้านขนม อิฉันเลยทำอาหารอร่อยอีกด้วย ... หุหุ ) เพราะเมืองไทยสารพัดดี บรรพบุรุษคนไทยเก่ง ใช้วัตถุดิบที่บ้านเมืองเรามี ผัก ผลไม้ แปรรูป แปลงร่างเป็นขนมได้ วัฒนธรรมอาหารคาว หวาน ของไทยจึงไม่แพ้ชาติใดในโลก บรรดาขนมไทยทั้งหมด ของโปรดอิฉันคือฟักทองแกงบวดเจ้าค่ะ แต่จะให้เลิศต้องใส่ไข่เป็ดลงไปด้วยเอาแบบไข่ตานี เวลาตักฟักทองแกงบวดที่เนื้อมันๆ เจือสมกับน้ำกะทิที่หอม หวานด้วยน้ำตาลมะพร้าวแท้ๆ ติดไข่แดงเยิ้มๆ ตักเข้าปาก โอ้ย..ท่านเจ้าขามันดี มันเลิศมากเจ้าค่ะ อีกเมนูที่โปรดก็กล้วยบวชชี ยิ่งช่วงไหนกล้วยน้ำว้า(ไม่ว้า) สุกคาต้น ที่บ้านนี่หน้าจะเป็นกล้วยกันเลยเจ้าค่ะ ทั้งบวชชี ขนมกล้วยนึ่งร้อนๆโรยหน้าด้วยมะพร้าวอ่อน กล้วยย่างทับราดน้ำกะทิผสมน้ำตาลมะพร้าวหอมมัน พอกล้วยเปลือกดำอีกนิสโน่นเลยจี่ร้อนใส่กล่องไว้ทานตอนปากว่างๆ หรือแก้อาหารเผ็ดร้อน แกงบวดเผือกก็นะ มาอีกถ้วยก็หมดอีกถ้วยเจ้าค่ะ ยังไม่หมดเจ้าค่ะข้าวเหนียวมะม่วงก็มา ข้าวเหนียวถั่วดำก็มา ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียนก็มา ข้าวเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง หน้าปลา สังขยา ก็มาด้วย เฮ้อกินกันจุกนิ การเลือกข้าวเหนียวนี่สำคัญมากค่ะ สมัยเด็กๆยายดึงหูลากเข้าร้านขายข้าวสารตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั่นอิฉันนี่ก็เป็นกูรูเลือกข้าวสาร เลือกข้าวเหนียว ทั้งข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวพื้นเมือง ข้าวหอม พอตัวที่เดียวเจ้าค่ะ (อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะเจ้าคะ )ฉะนั้นถ้าทำขนมพวกนี้ไม่มีข้าวเหนียวเขี้ยวงู ก็ผ่านเมนูนี่ไปก่อน ตระกูลเปียกก็ชอบทาน ตั้งข้าวเหนียวดำเปียก ข้าวเหนียวเปียกลำไย หรือสาคูเปียก ข้าวฟ่างเปียก เต้าส่วน เป็นต้น ราดด้วยน้ำกะทิสดที่คั้นด้วยน้ำร้อนๆใส่เกลือให้ออกรสมันเค็ม ราดที่หน้าขนม ผสมให้เข้ากันก่อนจะทาน.. เฮ้อ ไม่ทราบใครต้นคิดนะเจ้าคะอร่อยทุกอย่าง หน้าร้อนนี่ ต้องขนมเข้าน้ำแข็งค่ะ ลูกตาลลอยแก้ว ทับทิมกรอบ ข้าวเม่าน้ำกะทิแตงไทย อีกอย่างที่ชอบคือน้ำมะม่วงเบา น้ำระกำที่แสนอร่อย ออกรส เปรี้ยว หอม หวานใส่น้ำแข็งหรือแช่ช่องแข็งพอเป็นวุ้นไว้ทานแก้ร้อน อุ๊ยๆ เย็นขึ้นหัว สะใจจริงวุ้ย ขนมไทยนี่ อิฉันว่ามีเสน่ห์ เพราะขนมแต่ละภาคก็จะมีเอกลักษณ์ต่างกัน ผันแปรตามวัตถุดิบ อิฉันเด็กใต้ ขนมส่วนใหญ่ขนมเข้ากะทิ สมัยเด็กนี่ชอบมาก งานวัด งานบวช งานแต่ง ชอบเดินตามแม่ ตามยายไปดูเขาทำ เพราะจะได้กินขนมด้วย ยิ่งหม้อแกงนี่ สมัยก่อนเขาจะปิ้งหน้าด้วยแผ่นสังกะสี อะลูมิเนียมบ้างใส่ถ่านข้างบนอิฉันก็โดนให้ใส่ถ่าน ใส่เถ้า ไล่ไฟอ่อนแก่ จนตัวดำมาจนโต เนี่ยโทษยายอยู่เนี่ยทำให้เราอ้วนดำ อิ..อิ.. บางที่ถูกสั่งให้กวนขี้มัน(น้ำกะทิสดกวนไฟอ่อนจนแตกน้ำมันมะพร้าว ตกตะกอนกากที่ก้นกระทะเป็นก้อนแห้งสีน้ำตาล ) พวกเราก็จะเอาขี้มันมาโรยน้ำตาลบ้าง โรยข้าวบ้าง เนี่ยของอร่อย ยิ่งขนมครกนี่ชอบมาก ยิ่งเวลาคัดขนมออกจากเบ้าแล้ว จะชอบแบบที่ใต้จะใช้กากกะพด(เปลือกมะพร้าวแห้งตัดขวางชุบน้ำมันทาหลุมขนม) เพื่อนเป็นอันรู้ที่ไหนมีอิฉันจะไปรอที่หน้าเตา แต่ชอบแบบขนมครกโบราณเตาถ่านออกรสมัน เค็ม ว่าแล้วอยากขึ้นมาทันทีนิ … ชีวิตอิฉันนับว่าโชคดีมีวาสนา เพราะทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลา และชอบเดินตลาดเพื่อชมความงามงดของตลาดพื้นถิ่น ที่สำคัญอิฉันเป็นพวกปากว่า มือถึงเจ้าค่ะ ต้องกินทุกอย่างเพื่อให้เข้าใจ.. รออิฉันเบื่อบรรณภิภพ อีกสักนิดจะเปิดร้านขนมหวานนะเจ้าคะ. ก่อนจะจบลืมเจ้าค่ะ โจทย์ของเรื่องเขาให้บอกด้วยว่ามีประโยชน์อะไรกับสังคม.. คำตอบคือ ขนมไทยเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมด้านอาหารคาว หวาน และหากพินิจวัตถุดิบก็จะตระหนักว่าทุกเมนูล้วนมาจากแผ่นดินแม่ของเรา ขนมไทยนอกจากอร่อยปากแล้วจึงยังความอิ่มอุ่นไปถึงใจของเรา
เขียนโดย "เจรียง"