14 สิงหาคม 2564
290
ครั้ง
"แม่" คำเดียวสั้นๆ ที่เด็กแทบทุกคนพูดได้เป็นคำแรกซึ่งรวมถึงตัวฉันด้วย
การที่เด็กเกือบทุกคนพูดคำว่า "แม่" ออกจากปากได้เป็นคำแรกนั้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่มันคงเป็นเพราะพลังแห่งความรักความผูกพันที่แม่มีต่อลูกเป็นอย่างมากในทุกเวลาทุกนาทีตั้งแต่พวกเราเป็นเพียงก้อนเลือดเล็กๆ และพัฒนามาเป็นตัวอ่อนอยู่ในครรภ์นานถึง 9 เดือนนั่นเอง
ในระหว่างตอนที่ฉันอยู่ในครรภ์ แม่ปรนนิบัติกับฉันอย่างไรนั้นฉันไม่รู้ถ้าแม่หรือคนอื่นไม่เล่าให้ฟัง แต่ฉันเห็นแม่ตอนท้องลูกคนสุดท้องซึ่งอายุห่างจากฉัน 6 ปี ฉันมักได้ยินแม่คอยพูดคุยกับน้องที่อยู่ในท้องเสมอๆ และเหมือนพูดคุยสื่อสารกันรู้เรื่องเป็นอย่างดี แม่มักจะพูดกับน้องที่อยู่ในท้องและลูบท้องไปมาว่าขอให้ลูกของแม่แข็งแรงคลอดออกมาเป็นเด็กดี มีอาการครบ 32 ประการนะ
แต่แม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ท้องทุกคน เวลาจะกินจะนอนต้องคอยระวังว่าจะมีผลกระทบต่อลูกในท้องหรือไม่ จะทำอะไรตามใจเหมือนตัวคนเดียวไม่ได้ ในทางกลับกันลูกที่อยู่ในท้องบางครั้งมีการดิ้นหรือถีบท้องจนแม่ต้องสะดุ้งตื่น แถมแม่ยังมากังวลว่าลูกในท้องจะมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ซึ่งคิดว่าคนเป็นแม่ทุกๆ คนคงมีประสบการณ์และคิดทำนองเดียวกัน
หลังจากคลอดแม่ยังเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุดคอยเฝ้าทะนุถนอมดูแลอย่างดีเพื่อให้นมที่กลั่นมาจากเลือดในอกของตน หาอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้ลูกกินเพื่อให้เติบโตแข็งแรง สอนให้หัดพูด หัดเดิน หัดเขียนหนังสือ คอยอบรมสั่งสอนปลูกฝังให้เป็นคนดี มีศีลธรรม มีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน โดยครอบครัวของฉันแม่ใช้บทเรียนของการเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีพี่น้องหลายคนที่จะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรักสามัคคี และรู้จักหน้าที่ของแต่ละคนที่ได้รับมอบหมายเป็นแบบฝึกหัดให้เราเป็นอย่างที่แม่คาดหวัง พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการศึกษาสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหวังให้ลูกมีอาชีพที่ดีสามารถเลี้ยงตนเองได้และไม่ยากลำบากเหมือนกับตน
แม่คงเป็นภาพตัวอย่างแห่งการเสียสละสำหรับหลายๆ คน ฉันเคยแอบเห็นแม่กินข้าวเปล่า เมื่อเห็นลูกๆ กินอาหารที่แม่ทำกันอย่างเอร็ดอร่อยจนแทบจะไม่เหลือให้แม่ได้ทาน และเคยแอบถามแม่ว่าทำไมกินข้าวเปล่าๆ แม่มักจะพูดว่าไม่ค่อยหิว แค่เห็นลูกๆ กินกันอย่างเอร็ดอร่อยแม่ก็อิ่มแล้ว แต่อาหารฝีมือของแม่นั้นก็อร่อยจริงๆ ยากที่จะหาคนเปรียบได้ในความรู้สึกของฉัน
ในแง่ของความเป็นลูกทุกคนคงทราบและเข้าใจเหมือนกันว่าพระคุณแม่นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหนยากที่บรรยายได้หมด ในขณะเดียวกันคนที่เป็นลูกย่อมต้องการที่จะทดแทนพระคุณของแม่อย่างเต็มที่ตามแต่ละโอกาสที่จะเป็นไปได้ แม่ของฉันนั้นใฝ่ฝันให้ลูกคนใดคนหนึ่งรับราชการ และแล้วโอกาสก็มาถึงวันที่ฉันได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการ ซึ่งถึงแม้ตัวฉันเองอาจจะฝืนกับความคิดที่จะเข้ามารับราชการก็ตาม แต่ฉันก็เลือกที่จะทำความฝันของแม่ให้เป็นจริงเพื่อเป็นการทดแทนพระคุณของแม่ ในวันที่แม่รู้ว่าฉันจะได้เป็นข้าราชการแม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดจากสีหน้า รอยยิ้ม และน้ำเสียงแห่งความสุข
ฉันเชื่อในเรื่องความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณย่อมทำให้เราได้รับความสุขความเจริญ จากที่เคยฝืนความรู้สึกของตนเองกับอาชีพรับราชการ จึงเปลี่ยนความคิดเป็นรักและภาคภูมิใจในอาชีพราชการเป็นอย่างยิ่ง และมันช่างเป็นอาชีพอันทรงเกียรติ น่าภาคภูมิใจ ที่เราสามารถดำรงตนให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษีจ่ายเงินเดือนให้แก่เราทุกเดือน
ฉันได้รับโอกาสจากอาชีพรับราชการเป็นอย่างมากทั้งชีวิตความเป็นอยู่ การศึกษาและประสบการณ์หลากหลายที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความภาคภูมิใจที่ได้รับในหลายๆ เรื่อง และสิ่งที่สำคัญในความทรงจำที่มิเคยลืมเลือนนั่นคือการที่มีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จพระแม่ของแผ่นดินของปวงชนชาวไทย เมื่อครั้งที่พระองค์ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงเสด็จแปรพระราชทานไปยังจังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือพสกนิกร ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิดก็ตาม เพราะฉันยืนอยู่ห่างจากพระองค์ท่านไม่ต่ำกว่า 50 เมตร ในระหว่างที่พระองค์ท่านทรงพักผ่อนพระอริยาบทพร้อมกับเสวยเครื่องว่าง ฉันได้เฝ้ามองพระองค์ท่านตลอดเวลา สิ่งที่ฉันได้รับรู้ณ เวลานั้นคือ พระองค์ทรงมีพระเมตตายิ่งนักจากการแย้มพระสรวลตลอดเวลา แย้มพระสรวลของพระองค์ได้สร้างความอบอุ่นให้กับผู้พบเห็นอย่างฉันเป็นอย่างมาก แม้จะยืนอยู่ห่างจากพระองค์เป็นอย่างมาก แต่ในใจฉันคิดตลอดเวลาว่าพระองค์ทรงแย้มพระสรวลให้แก่ฉัน เป็นการสร้างความปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ และช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ให้กับตัวฉันที่จะต้องเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในการที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ในฐานะข้าราชการคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามการทำงานบางครั้งเราก็รู้สึกหมดพลังกับการเผชิญปัญหาที่ถาโถมเข้ามา แต่ฉันก็ผ่านมันไปได้ทุกครั้งด้วยการระลึกถึงแย้มพระสรวลของพระแม่ของแผ่นดิน และกลับบ้านไปรับพลังไออุ่นจากการสวมกอดของแม่ก่อนที่จะจากกันกลับมาทำงานตามเดิม มันช่างรู้สึกว่ามีพลังขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งในทุกครั้ง แต่หลังจากหายนะของโรคร้ายที่เหมือนจะเขมือบคนไปทั้งโลกด้วยไวรัสโคโรนา2019 หรือโรคโควิด-19 ทำให้ฉันไม่สามารถได้รับพลังมหัศจรรย์จากการสวมกอดของแม่จนถึงปัจจุบัน เพราะพวกเราต้องใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้พูดคุย เห็นดวงตา แววตาอันอบอุ่น และความห่วงใยซึ่งกันและกัน ก็สร้างพลังได้ไม่น้อยทีเดียว
ปัจจุบันหลังจากการพบหน้ากันและก่อนที่จะจากกันทุกครั้งฉันและแม่ต่างสัญญาต่อกันเสมอว่าขอให้เราอดทนและดูแลรักษาสุขภาพตนเองให้เต็มที่เพื่อให้รอดจากการเป็นเหยื่อของโรคโควิด-19 แล้วเราจะได้กลับมาสวมกอดกันด้วยความรักและคิดถึงเพื่อเติมพลังมหัศจรรย์ให้แก่กันและกันเหมือนเดิม
เขียนโดย กอไผ่