เปลี่ยนการแสดงผล
#ความรักของแม่
28 สิงหาคม 2564 113 ครั้ง
เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความเสี่ยงที่จะติดโรคกันได้อย่างง่ายดาย ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่โดนเจ้าโควิด-19 สอยร่วงไปด้วย เท่านั้นยังไม่พอมันยังได้แพร่กระจายให้กับสมาชิกในบ้านผมเกือบครบทุกคน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อครับ ลูกชายผมที่อยู่กับผมตลอดเวลา ทั้งยามตื่น ยามหลับ เจ้าโควิด-19 ทำอะไรเค้าไม่ได้ส่วนหนึ่งอาจมาจากภูมิคุ้มกันของเด็กที่แข็งแรง และอีกสิ่งหนึ่งที่อาจไม่สำคัญแต่น่าคิดกันนะครับ คือผมให้แกรับประทานยาฟ้าทลายโจร 5 วัน ก่อนที่ผมจะทราบผลตรวจของตัวเอง
  เกริ่นนำซะยาวแต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบรรยากาศของเดือน ที่อบอวลด้วยกลิ่นอายของคุณแม่เลย จริงๆแค่อยากจะท้าวความว่าสมาชิกในบ้านผมติดเจ้าโควิด-19 กันเกือบทั้งบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ของผมที่อายุล่วงเลยไปถึง 8 ทศวรรษ หนำซ้ำอาการของท่านนั้นถือว่าเกือบเข้าสู่เส้นสีแดงตามลักษณะอาการก็ว่าได้ หากวันนั้นผมไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อของเจ้าหน้าที่จากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ของกรมควบคุมโรค ที่ผมส่งข้อความขอความช่วยเหลือ ติดต่อเข้ามาเพื่อให้แม่ผมไปตรวจหาเชื้อด้วยความรวดเร็ว ผมคงต้องพาแม่ไปต่อคิวรับการตรวจหาเชื้อที่มีขั้นตอนที่ซับซ้อน และต้องรออย่างยาวนานหรืออย่างบางกรณีต้องรอคิวตรวจจนกระทั่งเสียชีวิต แต่คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่ครับว่าคนที่อายุขนาดนั้น แม้ว่าตัวเองจะรู้สึกไม่สบายตัว พูดไปก็ไอไป เสียงก็เริ่มที่จะแหบหายไป อาการเหนื่อยล้าก็เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น กลับหันมาถามลูกตนเองอย่างผมที่เริ่มมีอาการไอถี่ขึ้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง ยังหายใจได้หรือเปล่า แล้วยังไอหรือไม่ ตอนนี้เป็นอย่างไร หิวหรือยังจะไปทำกับข้าวให้กิน (ถามทุกอย่างเท่าที่จะนึกได้) เมื่อผมได้ยินแบบนี้รอยหยักในสมองของมนุษย์ลูกคนนี้ก็ประมวลด้วยความเร็วประมาณ เจ็ด หรือแปดจี แต่กลับพูดอะไรไม่ออกแต่สิ่งที่ออกมาแทนกลับเป็นน้ำตาที่อยู่ๆ มันไหลออกมาเอง ไม่ต้องเสียเวลาบีบ ไม่ต้องตีหน้าเศร้า สิ่งเหล่านี้ใช่ไหมที่แม่ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม และเมื่อถึงตอนที่รถพยาบาลมารับผมและแม่ ไปรักษาตัวนั้นต้องไปยังโรงพยาบาลต่างจังหวัด เหตุเพราะเตียงผู้ป่วยในกรุงเทพฯ นั้นไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ตลอดเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่โรงพยาบาลปลายทาง และตลอดเวลาระหว่างการรักษาตัว ผมมนุษย์ลูกได้พยายามทำทุกอย่างให้กับแม่คนเดียวในชีวิตได้คลายความเครียดในความคิด ทั้งปลอบใจ พูดให้กำลังใจ ปฏิบัติตนทุกอย่างเท่าที่ลูกคนนี้จะทำให้แม่ได้ แม้บางช่วงที่ผมหายใจติดขัดจากเพราะเจ้าไวรัสนี้ก็ต้องทำให้ได้ แต่ผมกลับคิดว่าเราปรนิบัติแม่ได้แค่นี้เอง เราทำเต็มที่หรือยังมีสิ่งใดที่ยังขาดอีก หรือที่เราทำไปเพราะเป็นหน้าที่ หรือว่าเรากลัวตัวเองลำบากหากเราต้องมาดูแลแม่หากเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น มีคำถามมากมายในหัว เพราะจากสภาพจิตใจของแม่ก็ยังไม่ได้สดชื่นอย่างที่อยากให้เป็น แต่ถ้าหากผมมองย้อนกลับไปที่แม่ผม แม่นี้กลับมองว่าทุกอย่างที่ทำนั้นล้วนเป็นสิ่งธรรมดามากๆ ให้การดูแลลูกๆอย่างทะนุถนอมให้ความรักได้ทุกที่ ทุกเวลา และที่สำคัญไม่เคยห่วงแม้กระทั่งตัวเอง หรือกลัวตัวเองลำบากเลย
แต่ที่ทำนั้นมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ ผสมกับความรักที่บริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่ง บุญคุณนี้มันเหนือคำบรรยายไม่สามารถที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือได้หมด และจากเหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่พบว่าผู้หญิงที่รักเรามากที่สุดนั้น ไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต หากวันนี้ยังขาดสิ่งใดที่ไม่เคยบอกหรือทำให้ท่านได้รู้ จงรีบทำก่อนที่จะหมดเวลาไป แต่ความรักของแม่ที่ให้กับเรานั้นคงอยู่ในใจของเราตลอดไป 

เขียนโดย "โคม่า2021"
ภาพและวีดีโอ