30 กันยายน 2564
300
ครั้ง
ผู้ใหญ่มักสอนเด็กเสมอว่า"ดูหนังดูละครแล้วให้ย้อนดูตัวเรา" เพราะละครหรือหนังมักจะสะท้อนเรื่องราวของชีวิตและสังคม ทุกสังคมมักมีเรื่องดีและร้ายปนกันไป ไม่มีสังคมไหนที่จะมีเฉพาะด้านดีหรือด้านร้ายเพียงด้านเดียว ด้านที่ดีก็ควรจดจำเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดี เป็นกำลังใจ เป็นพลังที่จะก้าวเดินต่อไป รวมทั้งเป็นความภาคภูมิใจเมื่อได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้นๆ ส่วนด้านที่ร้ายก็ต้องจดจำไว้เป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้สังคมมากยิ่งขึ้น
สังคมฝนหลวงเป็นสังคมหนึ่งที่ได้ให้โอกาสในการเรียนรู้มากมาย ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมาหลายปีกับพี่น้องชาวฝนหลวงรวมไปถึงพี่น้องอาสามสมัครฝนหลวงซึ่งเปรียบเสมือนคนในครอบครัวฝนหลวงที่ร่วมด้วยช่วยกันสานฝันให้เป็นจริงในการเดินตามรอยพระบิดาแห่งฝนหลวงเพื่อคลายทุกข์ให้พี่น้องประชาชนในการขาดแคลนน้ำทั้งเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรม ตลอดจนการเพิ่มน้ำต้นทุนไว้รักษาระบบนิเวศน์ในยามจำเป็น พร้อมทั้งช่วยกันบรรเทาภัยพิบัติทั้งลูกเห็บ ไฟป่าและหมอกควัน รวมทั้งฝุ่นจิ๋วในชุมชนเมือง ครอบครัวฝนหลวงเป็นครอบครัวที่ไม่ใหญ่โต เป็นครอบครัวใหม่ที่อยู่ในช่วงการเติบโตที่พร้อมจะก้าวไปสู่ความสมบูรณ์และเข้มแข็งอย่างเต็มตัว แต่ในปัจจุบันก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่นในระดับหนึ่งที่ไม่น้อยหน้าครอบครัวอื่นๆ เพราะพวกเรารู้รักสามัคคีเมื่อยามที่เราต้องก้าวข้ามให้พ้นเรื่องราวร้ายๆในบางครั้ง และพวกเราพร้อมใจกันดำรงตนอยู่ภายใต้ความพอเพียงแต่ก็ไม่ขัดสนถึงขนาดไม่สามารถกินอิ่ม นอนหลับ พวกเราจึงสามารถมีที่ยืนในสังคมได้อย่างงามสง่าและภาคภูมิใจไม่น้อยหน้าใครๆ สมาชิกในโรงละครแห่งนี้บางคนได้รับบทที่จะต้องแสดงเป็นตัวเอก บางคนรับบทแสดงเป็นตัวรอง บางคนรับบทแสดงเป็นตัวประกอบ บางคนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่ทุกคนล้วนมีความสำคัญที่จะทำให้โรงละครแห่งนี้มีความสมบูรณ์ที่สุดภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และเป็นธรรมดาที่ทุกคนได้แสดงด้วยความสุข และความทุกข์ปะปนกันไป ทุกคนย่อมมีภาพแห่งรอยยิ้ม และคราบน้ำตาที่แต่ละคนได้รับในช่วงการแสดงที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะด้วยความเข้าใจที่ตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง แต่สุดท้ายพวกเราก็อยู่ในจุดที่พร้อมอภัยให้กันและกันเสมอ
วันเวลาแห่งความทุกข์และสุขที่ระคนกันไปณ สถานที่แห่งนี้ มันช่างเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วหลายคนได้เดินออกจากโรงละครโรงนี้ไปด้วยอายุที่ถูกกำหนดให้เกษียณไปบ้าง ไปเดินตามหาความฝันของตนเองในโรงละครแห่งอื่นบ้าง และทุกวันที่ 30 กันยายนของทุกปีถือเป็นการสิ้นสุดของการแสดงประจำปีของทุกโรงละคร โรงละครฝนหลวงแห่งนี้ก็ต้องจบการแสดงประจำปีลงเช่นกัน แต่จบลงด้วยการที่ผู้แสดงตัวเอก และตัวรองต้องเดินออกจากโรงละครแห่งนี้ไปตามกำหนดเวลาและชะตาที่ฟ้าลิขิต แต่จะมีตัวละครใหม่ๆเข้ามาแสดงแทนที่ ถึงแม้ละครโรงนี้จะจบลงสำหรับตอนนี้และตัวละครอย่างฟ้าโปรยต้องเดินออกไปจากโรงละครแห่งนี้ก็ตาม แต่ชีวิตของทุกคนในโรงละครอันทรงเกียรติ์แห่งนี้ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป และทุกคนคงไม่ลืมเรื่องราวที่เราเคยร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมสร้างฝันกันมาเพื่อที่จะมีกำลังใจ มีพลังที่จะสานฝันอันสูงสุดให้เป็นจริงให้สมกับเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าข้าของพระราชาที่เดินตามรอยพระบิดาแห่งฝนหลวง...
สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า"ฉันรักและภูมิใจในโรงละครแห่งนี้" และชีวิตที่ผ่านพบ มีลบย่อมมีเพิ่ม
ขอเพียงให้เหมือนเดิม...กำลังใจ ขอบคุณทุกๆคนสำหรับเรื่องราวดีๆที่ผ่านมา และขออำลา ณ ตรงนี้...
ฟ้าโปรย
#มั่นสร้างกำลังใจด้วยความรู้สึกดีๆที่ผ่านมา