เปลี่ยนการแสดงผล
วันที่ 23 เมษายน 2565 นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก ณ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.จันทบุรี สนามบินท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
24 เมษายน 2565 263 ครั้ง
วันที่ 23 เมษายน 2565 นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก ณ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.จันทบุรี สนามบินท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยมีนางสาววาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง และนายวีระพล สุดชาฎา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ รายงานสรุปภาพรวมการดำเนินงานปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคตะวันออก

โดยภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่ได้รับความชื้นจากทะเลและป่าไม้อยู่ตลอดเวลา แต่ยังคงมีความต้องการใช้น้ำในปริมาณที่มาก ทั้งภาคอุตสาหกรรมที่มีนิคมอุตสาหกรรมกระจายตัวอยู่ในภาคตะวันออก จำนวน 32 แห่ง อยู่ในพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทรา (4 แห่ง) จ.ชลบุรี (15 แห่ง) จ.ปราจีนบุรี (1 แห่ง) และ จ.ระยอง (12 แห่ง) และภาคการเกษตรที่มีความต้องการน้ำสำหรับพืชสวน พื้นที่การเกษตรของภาคตะวันออกทั้งหมด 11.39 ล้านไร่ อยู่ในเขตชลประทาน 2.49 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 8.9 ล้านไร่ ซึ่งมีความต้องการใช้น้ำสูงสำหรับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคตะวันออก เช่น ลำไย มังคุด ทุเรียน เงาะ มะม่วง ฯลฯ

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ดังกล่าว โดยผลการปฏิบัติการของหน่วยฯ จ.จันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ถึงวันที่ 22 เมษายน 2565 มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงรวม 16 วัน รวม 58 เที่ยวบิน มีฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวง คิดเป็นร้อยละ 93.75 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จันทบุรี สระแก้ว และพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.จันทบุรี จะตั้งหน่วยฯ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 และจะมีการปรับแผนเปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.สระแก้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ตอนบนของภาคตะวันออก ได้แก่บริเวณพื้นที่ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และชลบุรี ที่มีการเพาะปลูกข้าวนาปรัง นาปี มันสำปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย ซึ่งประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงอยู่เสมออีกด้วย

#ข่าวฝนหลวง
ภาพและวีดีโอ