จากพระราชบันทึก THE RAINMAKING STORY พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ก่อให้เกิดความกระจ่างชัดถึงที่มาและจุดเริ่มต้นโครงการฝนหลวง ซึ่งสรุปพระราชบันทึกดังกล่าวได้ว่า ระหว่างวันที่ ๒ – ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ทรงเยี่ยมเยียน ๑๕ จังหวัด ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์ (เดลาเฮย์ ซีดาน สีเขียว) จากจังหวัดนครพนม ไปจังหวัดกาฬสินธุ์ผ่านจังหวัดสกลนครและเทือกเขาภูพาน
เมื่อทรงหยุดอย่างเป็นทางการที่ทางแยกอำเภอกุฉินารายณ์และสหัสขันธ์ ณ ที่นั้นทรงสอบถามราษฎรเกี่ยวกับผลผลิตข้าว ทรงคิดว่าต้องเสียหายเพราะความแห้งแล้ง แต่ต้องทรงประหลาดใจที่ราษฎรเหล่านั้นกราบบังคมทูลว่า เดือดร้อนเสียหายจากน้ำท่วม ทรงเห็นว่าเป็นการแปลก เพราะพื้นที่โดยรอบดูคล้ายทะเลทรายที่มีฝุ่นฟุ้งกระจายทั่วไป แท้ที่จริงแล้วราษฎรเหล่านั้นมีทั้งน้ำท่วมและฝนแล้ง นั่นคือ ทำไมประชาชนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงยากจนนัก
ณ ขณะนั้นทรงคิดว่าเป็นปัญหาที่ดูเหมือนว่าจะแก้ไขไม่ได้ และขัดแย้งกันเองในตัว เมื่อมีน้ำมากไปก็ท่วมพื้นที่ เมื่อน้ำหยุดท่วมฝนก็แล้ง เมื่อฝนตกน้ำจะไหลบ่าลงมาท่วมจากภูเขาเพราะไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งการไหลบ่า ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระสติปัญญาอันเป็นเลิศ ทำให้ทรงเกิดประกายความคิดอย่างฉับพลัน ณ วินาทีนั้นในขณะนั้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่เป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากและขัดแย้งกันดังกล่าว
วิธีแก้คือ ต้องสร้างฝายน้ำล้น (check dams) ขนาดเล็กจำนวนมาก ตามลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขาจะช่วยชะลอการไหลลงมาอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ควรสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กๆ จำนวนมาก วิธีนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาแห้งแล้งได้ทางหนึ่ง ในฤดูฝนน้ำที่ถูกเก็บกักไว้ในฝาย เขื่อนและอ่างเก็บน้ำดังกล่าวใช้จัดสรรน้ำสำหรับฤดูแล้ง
ปัญหาหนึ่งที่ยังคงดำรงอยู่คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งภาคมีชื่อเสียงว่าเป็นภาคที่แห้งแล้ง ขณะนั้นทรงแหงนขึ้นดูท้องฟ้าและพบว่ามีเมฆจำนวนมาก แต่เมฆเหล่านั้นถูกพัดผ่านพื้นที่แห้งแล้งไป วิธีแก้อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เมฆเหล่านั้นรวมตัวตกลงมาเป็นฝนในท้องถิ่นนั้น และทรงบันทึกไว้ว่า ความคิดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการฝนเทียม (ปัจจุบันเรียกอย่างเป็นทางราชการตามมติคณะรัฐมนตรีว่า โครงการฝนหลวงมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗) นับเป็นพระอัจฉริยภาพที่ทรงเกิดประกายความคิดที่จะแก้ไขปัญหาอันยุ่งยาก และขัดแย้งได้อย่างฉับพลัน ณ ขณะนั้นด้วยพระปัญญาอันชาญฉลาดและเป็นเลิศที่ทรงสามารถคิดค้นวิธีแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วมและฝนแล้งได้ในขณะเดียวกัน ที่เป็นวิธีการและหลักการในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งจากฟ้าและบนดินได้อย่างครบถ้วน ยังคงทันสมัยที่นำมาเป็นหลักการหรือต้นแบบในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบนผิวพื้นโลกได้ทุกยุคสมัย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ทันทีที่เสด็จกลับจากการเสด็จเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง ๑๕ จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ ๒ – ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘ มาถึงกรุงเทพมหานครทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ซึ่งเป็นวิศวกรประดิษฐ์ควายเหล็ก ที่มีชื่อเสียงเข้าเฝ้าฯ และพระราชทานแนวความคิดนั้นแก่ ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ซึ่งได้กราบบังคมทูลสัญญาว่าจะศึกษาปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว
ระหว่างรอการเตรียมการเพื่อให้เกิดลู่ทางและความเป็นไปได้ให้มีความพร้อมและสามารถเริ่มต้นลงมือทำการค้นคว้าทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น และปฏิบัติการทดลองจริงในท้องฟ้า มิได้ทรงปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ ทรงทบทวนและวิเคราะห์วิจัยเอกสารตำราด้านวิชาการ เช่น อุตุนิยมวิทยา วิทยาศาสตร์บรรยากาศ เอกสารรายงานการวิจัย การค้นคว้าทดลอง และกรณีศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งในสมัยนั้นเอกสารเหล่านั้นยังมีน้อยและหาได้ยาก ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ได้มาจากประเทศในแถบถิ่นที่มีภูมิอากาศอยู่ในเขตหนาว รวมทั้งทรงวิเคราะห์ข้อมูลและข้อสังเกต ที่ทรงบันทึกไว้ในระหว่างการเสด็จเยือนแต่ละท้องถิ่นของแต่ละภาคของประเทศ เช่น สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม ฤดูกาล ซึ่งทรงเห็นว่ามีอิทธิพลต่อการเกิดสภาวะแห้งแล้งและต่อความพยายามในการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนได้อย่างสัมฤทธิ์ผล รวมทั้งสภาพปัญหาความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรอันเนื่องจากภัยแล้ง จนทรงสามารถตั้งเป็นข้อสมมติฐานที่ทรงคาดหมายหวังผลไว้อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมที่จะเริ่มต้นให้มีการค้นคว้าทดลอง และทรงมั่นพระทัยว่าจะสัมฤทธิ์ผลในการค้นคว้าทดลองและการประดิษฐ์คิดค้นตามที่ทรงคาดหวังไว้ในข้อสมมติฐาน
พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ฯพณฯ องคมนตรี มล. เดช สนิทวงศ์ อัญเชิญเอกสารที่ทรงศึกษาทบทวนแล้วดังกล่าวข้างต้น มาพระราชทานแด่ ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ได้ศึกษาทบทวนและทำความเข้าใจกับเอกสารพระราชทานเหล่านั้นควบคู่กันไปด้วย ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ถึงกับไปสมัครฝึกบินกับศูนย์ฝึกบินพลเรือนจนจบหลักสูตรเป็นนักบิน
หลายปีต่อมา ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ได้กลับมากราบบังคมทูลพร้อมกับความคิดเริ่มแรกและความเป็นไปได้ที่จะเริ่มต้นการค้นคว้าทดลอง การประดิษฐ์คิดค้น และการปฏิบัติการค้นคว้าทดลองจริงในท้องฟ้า โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งมี ดร.แสวง กุลทองคำ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ ม.จ.จักรพันธุ์ เพ็ญศิริจักรพันธ์ อธิบดีกรมการข้าวในขณะนั้นรับใส่เกล้าฯ สนองพระราชประสงค์การปฏิบัติการทดลองจริงในท้องฟ้าจึงเริ่มต้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๙– ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ ณ สนามบินหนองตะกู วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่องเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
จากนั้นมา จึงทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นองค์กรปฏิบัติการสนองพระราชประสงค์ในการค้นคว้าทดลองทำฝนหลวง
ควบคู่กับปฏิบัติการหวังผลกู้ภัยแล้ง มาโดยตลอด