กรมฝนหลวงฯ ส่งมอบเครื่องบินปลดประจำการ เพื่อการศึกษาและการอนุรักษ์
วันที่ 28 ธันวาคม 2565 เวลา 10.30 น. นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีและสักขีพยานการส่ง-รับมอบเครื่องบินปลดประจำการ
ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อการศึกษาและการอนุรักษ์ ระหว่างกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 3 และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ณ โรงเก็บเครื่องบิน 4 สนามบินนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ โดยมี นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พร้อมผู้แทนของทั้ง 3 หน่วยงานร่วมลงนามการส่ง-รับมอบเครื่องบินปลดประจำการของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร หลังจากนั้นคณะผู้บริหารกระทวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการเยี่ยมชมการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่และรับฟังการบรรยายสรุปการซ่อมบำรุงอากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรอีกด้วย
นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในการปฏิบัติการฝนหลวงนั้น ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง คือ อากาศยาน ซึ่งต้องมีอากาศยานที่เพียงพอและทันสมัย เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการฝนหลวงให้กับศูนย์/หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 8 ศูนย์/15 หน่วยปฏิบัติการที่กระจาย อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่ง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปัจจุบันมีอากาศยานทั้งสิ้น 40 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบิน 32 ลำ ได้แก่ เครื่องบินขนาดเล็ก 12 ลำ เครื่องบินขนาดกลาง 15 ลำ เครื่องบินขนาดใหญ่ 2 ลำ เครื่องบินปรับความดัน 3 ลำ และเครื่องเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 8 ลำ ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน โดยการปฏิบัติการฝนหลวงที่ผ่านมานั้น บางส่วนได้รับการสนับสนุนเครื่องบินจากกองทัพอากาศสำหรับการปฏิบัติงาน และเนื่องจากอากาศยานที่ใช้ปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบันส่วนมากมีอายุการใช้งานเกินกว่า 25 ปีขึ้นไป และบางลำมีสภาพไม่สมบูรณ์เนื่องจากอะไหล่หรือชิ้นส่วนประกอบทางโรงงานได้เลิกการผลิต ประกอบกับลำตัวเครื่องบินมีสภาพสึกกร่อนจากปฏิกิริยาสารฝนหลวงมาเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถทำการซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมได้และมีผลต่อความปลอดภัยด้านการบิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้จัดทำโครงการจัดหาอากาศยาน ทดแทน เพื่อใช้ในภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวง โดยจัดหาเครื่องบินทดแทนเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานมาเป็นเวลานานเกินกว่า 25 ปี ขึ้นไปไว้ใช้ในภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวงและภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถมีอากาศยานในการสนับสนุนภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวง สามารถช่วยเหลือและบรรเทาพื้นที่ประสบภัยแล้งได้ทันท่วงทีและครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่น
แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีเครื่องบินปลดระวางไม่ได้ทำการปฏิบัติการ เนื่องจากมีอายุการใช้งานนานกว่า 35 ปี จำนวนทั้งสิ้น 4 ลำ ได้แก่ เครื่องบินขนาดกลาง รุ่น CASA 100 หมายเลขเกษตร 1511 (ประจำการเมื่อ 3 ธันวาคม 2521)
เครื่องบินขนาดกลาง รุ่น CASA 100 หมายเลขเกษตร 1512 (ประจำการเมื่อ 31 ธันวาคม 2521) เครื่องบินขนาดกลาง รุ่น CASA 100 หมายเลขเกษตร 1513 (ประจำการเมื่อ 7 มีนาคม 2524) เครื่องบินขนาดกลาง
รุ่น CASA 100 หมายเลขเกษตร 1514 (ประจำการเมื่อ 15 เมษายน 2524) โดยเครื่องบินทั้ง 4 ลำนี้
กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงครุภัณฑ์เครื่องบินชำรุด เสื่อมสภาพและไม่จำเป็นต้องใช้ในราชการต่อไป ทั้งนี้ได้มีหน่วยงานแจ้งความประสงค์ขอรับการสนับสนุนเครื่องบิน
ปลดประจำการของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานนั้น ๆ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรบริจาคเครื่องบิน รวมทั้งอุปกรณ์ประจำเครื่องบิน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์การบิน (Avionics) จำนวน 4 ลำ ให้หน่วยงานนำไปใช้ประโยชน์ ได้แก่มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 2 ลำ (หมายเลขเกษตร 1513 และ 1514) มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จำนวน 1 ลำ (หมายเลขเกษตร 1511) วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ จำนวน 1 ลำ (หมายเลขเกษตร 1512) เพื่อการอนุรักษ์และให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างประสบการณ์ให้กับนักศึกษาทางด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน และเพื่อประโยชน์ทางด้านประวัติศาสตร์การบินของประเทศต่อไป