เปลี่ยนการแสดงผล
จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซด์
วันนี้
125615
เดือนนี้
5714335
เมื่อวาน
231055
เดือนที่แล้ว
6919354
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการดำเนินงานให้แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
29 กันยายน 2566 102 ครั้ง
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 08.00 น. นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการดำเนินงานให้แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง สนามบินนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยมีนางสาวชุติมา เสชัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ร่วมต้อนรับ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยเกษตรกรและพี่น้องประชาชนในเรื่องสถานการณ์น้ำทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง ซึ่งได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังทุกพื้นที่เสี่ยง และกำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามพื้นที่ฝนต่ำกว่าปกติ จากภาวะเอลนีโญ เพื่อช่วยเหลือให้ทันท่วงทีและเกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และจากสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศขณะนี้พบว่า มีเขื่อนและอ่างเก็บน้ำหลายแห่งที่มีปริมาณน้ำเก็บกักต่ำกว่า 50% ประกอบกับจากการคาดการณ์สถานการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลกระทบไปจนถึงกลางปี 2567 ทำให้ต้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงได้สั่งการให้ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตรประสานงานกับกรมชลประทาน ติดตามข้อมูลปริมาณน้ำและความต้องการของแต่ละเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุดก่อนหมดฤดูฝน และติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องทุกวันเพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงให้เหมาะสม ทั้งนี้ กำชับให้ระวังและหลีกเลี่ยงพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบแก่พื้นที่การเกษตรและประชาชนด้านนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขานรับนโยบายการดำเนินการดังกล่าว โดยสั่งให้ 11 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วทุกภูมิภาค ระดมกำลังปฏิบัติการฝนหลวงบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมาย ทั้งเขื่อน อ่างเก็บน้ำ หรือพื้นที่การเกษตรบางชนิดที่ยังต้องการน้ำก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเดือนพฤศจิกายน สำหรับพื้นที่ในภาคกลางวันนี้ (28 ก.ย. 2566) ก็มีการวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงแบบเต็มอิ่มบริเวณลุ่มรับน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเติมน้ำต้นทุนและช่วยเหลือพื้นที่การเกษร โดยเป็นการระดมกำลังจาก 3 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่ หน่วยฯ นครราชสีมา ใช้เครื่องบิน CN 1 ลำ บินปฏิบัติการขั้นตอนที่ 1 (ก่อเมฆ) หน่วยฯ ลพบุรี ใช้เครื่องบิน CASA 2 ลำ และหน่วยฯ กาญจนบุรี ใช้เครื่องบิน CARAVAN 2 ลำ บินปฏิบัติการขั้นตอนที่ 2 (เลี้ยงให้อ้วน) และหลังจากนั้นจะบินซ้ำอีก 1 รอบ ในพื้นที่เป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในก้อนเมฆให้มากที่สุด และหน่วยฯ นครราชสีมา ใช้เครื่องบิน Super King Air 1 ลำ บินปฏิบัติการโจมตีเมฆเย็น เพื่อเพิ่มปริมาณฝนให้ตกมากขึ้น เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการระดมกำลังปฏิบัติการฝนหลวงอย่างเต็มอิ่ม ทั้งนี้ ในส่วนของผลปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในปี 2566 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 25 กันยายน 2566 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 175 วัน 3,795 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตก 67 จังหวัด มีพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง 191.38 ล้านไร่ มีฝนตกในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ 266 แห่ง (เขื่อนขนาดใหญ่ 34 แห่ง เขื่อนขนาดกลางและขนาดเล็ก 232 แห่ง) ปริมาณน้ำสะสม 523.29 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงฯ ยังคงปฏิบัติการฝนหลวงต่อเนื่องทุกวันไม่มีวันหยุด โดยประชาชน พี่น้องเกษตรกร สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารแจ้งความต้องการน้ำเพื่อขอรับบริการฝนหลวงได้เป็นประจำทุกวันที่
ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค อาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ หน่วยงานอำเภอ/จังหวัด ช่องทางโซเชียลมีเดีย @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-1095100 ต่อ 410 หรือช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, Tiktok, Twitter : @drraa_pr
ภาพและวีดีโอ